04/27/2024

admin

Trend Micro แก้ไขช่องโหว่ระดับวิกฤตใน Apex One Endpoint Protection

ใครใช้โซลูชัน Apex One ต้องสนใจข่าวนี้หน่อย เมื่อ Trend Micro ออกอัปเดตแก้ไขช่องโหว่การเรียกใช้โค้ดจากระยะไกลแบบ Zero-day ในโซลูชัน Apex One Endpoint Protection ที่ทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ในความเสี่ยง

ข้อบกพร่องในการเรียกใช้โค้ดตามอำเภอใจนี้ได้รับการติดตามเป็น CVE-2023-41179 และได้รับระดับความรุนแรง 9.1 จัดอยู่ในความรุนแรงระดับ “วิกฤต”

ทั้งนี้ ข้อบกพร่องนี้มีอยู่ในโมดูลถอนการติดตั้งของบริษัทอื่นที่มาพร้อมกับซอฟต์แวร์ของ Trend Micro

โดย Trend Micro สังเกตเห็นความพยายามในการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นกับช่องโหว่นี้อย่างน้อยหนึ่งครั้ง และแนะนำให้ลูกค้าอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดโดยเร็วที่สุด

ข้อบกพร่องส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ต่อไปนี้:

  • Trend Micro Apex One 2019
  • Trend Micro Apex One SaaS 2019
  • Worry-Free Business Security (WFBS) 10.0 SP1 (จำหน่ายในญี่ปุ่น)
  • Worry-Free Business Security Services (WFBSS) 10.0 SP1 (จำหน่ายในญี่ปุ่น)

โดยมีการแก้ไขเป็นรุ่นต่อไปนี้

  • Apex One 2019 Service Pack 1 – Patch 1 (Build 12380)
  • Apex One SaaS 14.0.12637
  • WFBS Patch 2495
  • WFBSS July 31 update

CERT ของญี่ปุ่นยังได้ออกการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากข้อบกพร่องดังกล่าว โดยเรียกร้องให้ผู้ใช้ซอฟต์แวร์ที่ได้รับผลกระทบอัปเกรดเป็นรุ่นที่ปลอดภัยโดยเร็วที่สุด

ที่มา : bleepingcomputer

Google ยอมจ่ายค่าปรับ 3,300 ล้านบาท ข้อหาติดตามตำแหน่งผู้ใช้โดยพลการ

Google ตกลงที่จะจ่ายเงิน 93 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า 3,300 ล้านบาท เพื่อยุติคดีที่รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกายื่นฟ้อง เนื่องจากข้อกล่าวหาว่าแนวทางปฏิบัติด้านความเป็นส่วนตัวของสถานที่ตั้งของบริษัททำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดในเรื่องการติดตามตำแหน่งและละเมิดกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค

“การสืบสวนของเราเปิดเผยว่า Google แจ้งข้อมูลกับผู้ใช้ว่า จะไม่ติดตามตำแหน่งของพวกเขาอีกต่อไปเมื่อพวกเขาเลือกไม่รับ แต่กลับทำสิ่งที่ตรงกันข้ามและติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ใช้ต่อไปเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า” Rob Bonta อัยการสูงสุดของแคลิฟอร์เนีย กล่าว

การดำเนินคดีนี้เป็นการรับลูกจากที่มีการร้องเรียนว่า Google ยังคงติดตามตำแหน่งของผู้ใช้ต่อไป แม้ผู้ใช้จะปิดการตั้งค่า การตั้งค่า “ประวัติตำแหน่ง หรือ Location History” ก็ตาม

โดยคำร้องเรียนที่ยื่นโดยแคลิฟอร์เนียกล่าวหาว่า Google รวบรวมข้อมูลตำแหน่งผ่านแหล่งอื่น และหลอกลวงผู้ใช้ว่าสามารถเลือกไม่รับโฆษณาส่วนบุคคลที่กำหนดเป้าหมายไปยังตำแหน่งของพวกเขาได้ แต่ความจริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น

ทั้งนี้ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว Google ก็ยอมจะจ่ายเงิน 391.5 ล้านดอลลาร์เพื่อยุติการร้องเรียนที่คล้ายกันโดย 40 รัฐของสหรัฐอเมริกา จากนั้นในเดือนมกราคม พ.ศ. 2566 บริษัทยินยอมที่จะจ่ายเงินอีก 29.5 ล้านดอลลาร์เพื่อยุติคดีฟ้องร้องสองคดีที่ฟ้องโดยอินเดียนาและวอชิงตัน ดี.ซี.

แต่ค่าปรับนี้อาจเป็นเพียงรายจ่ายส่วนเล็กๆ เมื่อเทียบกับรายได้เฉพาะค่าโฆษณาเพียงอย่างเดียวที่ Google ได้รับสูงถึง 2200 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 8 หมื่นล้านบาท ในปี 2022

ที่มา : thehackernews

เครือคาสิโน Caesars ยอมจ่ายค่าไถ่ 500 ล้านบาทให้แก๊งค์แรนซัมแวร์

Caesars Entertainment เครือคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ ตัดสินใจยอมจ่ายค่าไถ่มากกว่า 500 ล้านบาท ให้แก่แก๊งค์แรนซัมแวร์ เพื่อแลกกับข้อมูลสำคัญของลูกค้าที่ถูกขโมยจากการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งล่าสุด

โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านม เมื่อฝ่ายไอทีของบริษัทพบว่าแฮกเกอร์ได้เจาะเข้าระบบและขโมยฐานข้อมูลของโปรแกรมสะสมคะแนนของลูกค้าออกไปได้

ทั้งนี้เครื่อซีซาร์ได้ระบุในคำชี้แจงต่อ กลต สหรัฐว่า กำลังเร่งสืบสวนขอบเขตของข้อมูลที่อยู่ในไฟล์ที่ถูกขโมยไป และมีการบอกเป็นนัยว่าได้มีการจ่ายเงินค่าไถ่ที่แก๊งค์แรนซัมแวร์เรียกร้อง เพื่อป้องกันความเสียหายจากข้อมูลรั่วไหลไปมากกว่านี้

รายงานของ Wall Street Journal ระบุว่าเครือซีซาร์ตัดสินใจจ่ายค่าไถ่เป็นเงิน ประมาณ 15 ล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า 500 ล้านบาท จากยอดค่าไถ่ที่แก๊งค์แรนซัมแวร์เรียกร้อง 30 ล้านคอลลาร์

ที่มา : bleepingcomputer

Microsoft Team มีปัญหา กระทบผู้ใช้ทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือ

มีรายงานปัญหาการใช้งานแอปพลิเคชัน Microsoft Team ที่พบปัญหาการใช้งานทั้งบนเครื่องเดสก์ท็อปและบนอุปกรณ์โมบาย ทำให้ลูกค้าไม่สามารถส่งหรือรับข้อความได้

ซึ่งไมโครซอฟท์ยืนยันการพบปัญหาดังกล่าวแล้ว และตรวจสอบหาสาเหตุปัญหาการใช้งานอย่างเร่งด่วน แต่ก็ไม่มีการเปิดเผยว่ามีกี่ภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากการหยุดทำงานอย่างต่อเนื่องนี้ และจะส่งผลกระทบต่อทั้งลูกค้าภาครัฐและลูกค้าเชิงพาณิชย์หรือไม่

โดยล่าสุดไมโครซอฟท์อัปเดตว่าปัญหาดังกล่าวเกิดกับเฉพาะลูกค้าในภูมิภาคอเมริกาเหนือเท่านั้น และดำเนินการเปลี่ยนเส้นทางการรับส่งข้อมูลไปยังเส้นทางที่ดีกว่าเพื่อบรรเทาผลกระทบดังกล่าว

ที่มา : bleepingcomputer

มาอีกระลอก Dell ปลดพนักงานรอบสองของปีนี้

เดือนสิงหาคมที่ผ่านมาบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของอเมริกาอย่าง Dell มีการปลดพนักงงานรอบสองของปีนี้ หลังจากที่มีการปลดครั้งใหญ่จำนวน 6,650 ตำแหน่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลถึงจำนวนพนักงานที่ถูกเลิกจ้างครั้งนี้แต่อย่างใด

โดยเดลล์ใช้งบประมาณทั้งหมด 777 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ เพื่อชดเชยค่าชดเชยและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องของการเลิกจ้างพนักงาน 2 รอบ ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นการปรับทีมขาย และเปลี่ยนกลยุทธ์การทำตลาด

ในเดือนกุมภาพันธ์ บริษัทเลิกจ้างพนักงาน 5 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 6,650 คนจากทั้งหมด 120,000 คน ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่หลายแห่งที่จะปรับขนาดองค์กรในช่วงปลายปี 2565 และต้นปี 2566

การเลิกจ้างรอบนั้น เดลล์ระบุว่ามีการจ่ายค่าชดเชยอยู่ที่ 367 ล้านดอลลาร์

“เราไม่ได้ทำการตัดสินใจเหล่านี้อย่างไม่ใส่ใจ และเราจะสนับสนุนผู้ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อช่วยพวกเขาเปลี่ยนไปสู่โอกาสใหม่ๆ” โฆษกของเดลล์ โดยย้ำสิ่งที่บริษัทกล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ในแถลงการณ์ดังกล่าว บริษัทได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “เราประเมินธุรกิจของเราอยู่เสมอเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ และมั่นใจว่าเราพร้อมที่จะส่งมอบนวัตกรรม คุณค่า และบริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าและพันธมิตรของเรา”

ที่มา : crn

Adobe Acrobat ก็มีรูรั่ว ใครใช้อยู่รีบอัปเดต

ช่วงนี้แอปพลิคชันหลายตัวพากันออกแพตช์อุดช่องโหว่กันเป็นแถว คราวนี้ถึงที่ของ Adobe บาง โดยมาพร้อมกับแพตช์สำหรับข้อบกพร่องด้านความปลอดภัยที่ถูกโจมตีใน Acrobat และ Reader ซึ่งอาจทำให้แฮกเกอร์รันโค้ดอันตรายบนเครื่องของผู้ใช้ได้

โดยช่องโหว่ CVE-2023-26369 ได้รับการจัดอันดับความรุนแรง 7.8 ส่งผลกระทบต่อ Acrobat DC, Acrobat Reader DC, Acrobat 2020 และ Acrobat Reader 2020 ทั้งเวอร์ชัน Windows และ macOS

ซึ่งเป็นข้อบกพร่องที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์ ฝังโค้ดในอันตรายไว้ในไฟล์เอกสาร PDF และรันโค้ดในณะที่ผู้ใช้เปิดดูไฟล์

CVE-2023-26369 มีผลกระทบต่อโปรแกรมเวอร์ชันต่อไปนี้

  • Acrobat DC (23.003.20284 และก่อนหน้า) – ได้รับารแก้ไขในเวอร์ชัน 23.006.20320
  • Acrobat Reader DC (23.003.20284 และก่อนหน้า) – ได้รับารแก้ไขในเวอร์ชัน 23.006.20320
  • Acrobat 2020 (20.005.30514 for Windows และก่อนหน้า 20.005.30516 for macOS และก่อนหน้า) – ได้รับารแก้ไขในเวอร์ชัน 20.005.30524
  • Acrobat Reader 2020 (20.005.30514 for Windows และก่อนหน้า 20.005.30516 for macOS และก่อนหน้า) – ได้รับารแก้ไขในเวอร์ชัน 20.005.30524

ใครใช้อยู่รีบตรวจสอบและอัปเดตเป็นเวอร์ชันที่ระบุโดยด่วน

ที่มา :thehackernews

Mozilla ออกแพตช์อุดช่องโหว่ Zero-Day ใน Firefox และ Thunderbird

ใครใช้เว็บบราวเซอร์ Firefox และโปรแกรมอีเมล Thunderbird ต้องสนใจกันหน่อยแล้ว เพราะล่าสุด Mozilla ได้ออกอัปเดตความปลอดภัยฉุกเฉิน เพื่อแก้ไขช่องโหว่ที่สำคัญแบบ Zero-day ของโปรแกรมทั้ง 2 ตัว จนอาจเป็นช่องโหว่ให้ผู้ใช้เกิดความเสี่ยงโดนโจมตี

ข้อบกพร่องด้านความปลอดภัย CVE-2023-4863 มีสาเหตุมาจากบัฟเฟอร์โอเวอร์โฟลว์ในไลบรารีโค้ด WebP (libwebp) ซึ่งผลกระทบครอบคลุมตั้งแต่การขัดข้องของแอปพลิเคชันไปจนถึงการเรียกใช้โค้ดได้ตามอำเภอใจ

ซึ่งมีรายงานว่าช่องโหว่ดังกล่าวถูกนำไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีระบบของผู้ใช้บ้างแล้ว

โดย Mozilla ได้ทำการออกแพตช์อุดช่องโหว่ฉุกเฉินใน Firefox 117.0.1, Firefox ESR 115.2.1, Firefox ESR 102.15.1, Thunderbird 102.15.1 และ Thunderbird 115.2.2

เราจึงแนะนำให้ผู้ใช้ติดตั้ง Firefox และ Thunderbird เวอร์ชันอัปเดต เพื่อปกป้องระบบของตนจากการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นได้

ที่มา : Bleepingcomputer

หน่วยงานความปลอดภัยไซเบอร์สหรัฐ เตือนภัยช่องโหว่ Zero Day ใน iPhone และอุปกรณ์ iOS

หลังจากที่มีข่าวตรวจพบช่องโหว่ความปลอดภัย Zero-Day ของ iMessage ที่ทำให้แฮกเกอร์สามารถแพร่สปายแวร์สู่อุปกรณ์ iOS ได้ โดยผู้ใช้ไม่ต้องคลิกใดๆ ทั้งสิ้น ล่าสุด หน่วยงานความปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติของสหรัฐหรือ CISA ได้ออกประกาศเตือนให้ผู้ใช้ในหน่วยงานรัฐบาลเร่งแพตช์อุดช่วงโหว่นี้เป็นการด่วน

รายการอุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างกว้างขวาง เนื่องจากข้อบกพร่องส่งผลกระทบต่อทั้งรุ่นเก่าและใหม่กว่า ได้แก่

  • iPhone 8 และใหม่กว่า
  • iPad Pro (ทุกรุ่น), iPad Air รุ่นที่ 3 และใหม่กว่า, iPad รุ่นที่ 5 และใหม่กว่า และ iPad mini รุ่นที่ 5 และใหม่กว่า
  • Mac ที่ใช้ macOS Ventura
  • Apple Watch Series 4 และใหม่กว่า

โดยแอปเปิ้ลได้ออกแพตช์แก้ไข Zero-Day ใน macOS Ventura 13.5.2, iOS 16.6.1, iPadOS 16.6.1 และ watchOS 9.6.2 เรียบร้อยแล้ว

ที่มา : bleepingcomputer

ไมโครซอฟท์เพิ่มฟังก์ชันลบพื้นหลังให้ Paint เวอร์ชันใหม่

ไมโครซอฟท์ยังไม่หยุดพัฒนาโปรแกรมแก้ไขภาพที่อยู่คู่กับ Windows มายาวนานอย่าง Paint ล่าสุดเพิ่มฟังก์ชันลบพื้นหลังให้รูปภาพด้วยการคลิกเพียงไม่กี่คลิกเท่านั้น และเตรียมเปิดตัวพร้อมตัวอัปเดทใหม่ของ Windows 11

แม้ว่าฟีเจอร์นี้จะไม่ใช่ฟีเจอร์ใหม่ แต่มีโปรแกรมตกแต่งรูปภาพหลายตัวที่รองรับฟีเจอร์ที่คล้ายกัน แต่ก็มีประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการลบพื้นหลังอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องติดตั้งแอปพลิเคชันขั้นสูงเพิ่มเติม

เมื่อติดตั้งแล้ว ผู้ใช้จะพบปุ่ม “Remove Background” ใหม่ในส่วนของแถบเครื่องมือ “Image” ซึ่งจะแยกวัตถุออกและลบพื้นหลังทั้งหมดรอบๆ ด้วยการคลิกเมาส์ไม่กี่คลิกเท่านั้น

จากการทดสอบจะเห็นว่า เครื่องมือใหม่นี้ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการแยกวัตถุหลักในภาพและลบพื้นหลังทั้งหมดออก โดยไม่คำนึงว่าจะมีการไล่ระดับสีมากน้อยเพียงใด

มัลแวร์ Mirai มุ่งโจมตีกล่องแอนดรอยด์ทีวี เพื่อใช้เป็นเครื่องมือโจมตีแบบ DDos

ใครใช้กล่องแอนดรอยด์ทีวีอยู่ ต้องสนใจข่าวนี้หน่อยแล้ว เมื่อมีการพบว่ามัลแวร์ Mirai ตัวใหม่กำลังแพร่ระบาดในกล่องราคาประหยัดที่มีคนใช้งานอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น Tanix TX6 TV Box, MX10 Pro 6K และ H96 MAX X3 ซึ่งมีโปรเซสเซอร์ Quad-Core เพื่อเข้ายึดระบบและนำไปใช้เป็นเครื่องมือโจมตีแบบ DDos

มีการเปิดเผยว่ามัลแวร์ดังกล่าวแพร่ไปยังกล่องทีวีผ่านการอัปเดตเฟิร์มแวร์ที่มีอันตราย โดยส่วนหนึ่งเป็นเฟิร์มแวร์ที่หลอกว่าจะให้บริการสตรีมมิ่งสื่อแบบไม่จำกัด รวมถึงสื่อแบบละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย

หรืออีกทางหนึ่งจะมาพร้อมกับแอปปลอมที่หลอกว่าเป็นแอปสำหรับการดูสตรีมมิ่งแบบไม่จำกัด โดยมีการฝังโค้ดมัลแวร์ไว้ในแอปดังกล่าว

ด้วยเหตุนี้เราจึงควรใช้กล่องจากผู้ผลิตที่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว

ที่มา : bleepingcomputer

You may have missed