04/19/2024

Month: March 2017

CAT เตรียมส่งบริการใหม่ IRIS STARTUP หนุนกลุ่ม Startup เน้นใช้งานง่าย จ่ายตามที่ใช้จริง

บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT จัดงาน “IRIS CLOUD No.1 Trustable Cloud Provider ตอบโจทย์ผู้นำการให้บริการ Cloud Computing ของ CAT ภายใต้แบรนด์  IRIS CLOUD  หนุนภาคธุรกิจ SME และ Startup ก้าวสู่ Thailand 4.0”  โดยมี นายชัยยุทธ สันทนานุการ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดและการขาย CAT เป็นประธาน  ณ  Hubbato Co Working Space ชั้น 3  ฮาบิโตะ มอลล์ สุขุมวิท (BTS อ่อนนุช) กรุงเทพฯ เมื่อวันที่    30 มีนาคม 2560

17636827_804198843063152_2180925828996727762_o

นายชัยยุทธ สันทนานุการ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดและการขาย บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า CAT ได้จัดงาน IRIS CLOUD No.1 Trustable Cloud Provider ขึ้นเพื่อตอกย้ำความสำเร็จของบริการ IRIS CLOUD ซึ่งเป็นผลมาจากการตอบรับการใช้งานและความคุ้นเคยที่มีต่อการใช้บริการ Cloud ของหน่วยงานภาครัฐ และ เอกชนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีอัตราการเติบโตของรายได้เฉลี่ยประมาณ 40 %  ซึ่งในปี 2559 ที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตของรายได้สูงถึง 104 %

ในปีนี้ CAT ได้มุ่งพัฒนาให้บริการ Cloud แบบ prepaid ในชื่อ IRIS STARTUP เพื่อสนับสนุนความต้องการของกลุ่ม SME และ Startup สามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจ ด้วยจุดเด่นคือสามารถใช้บริการ Cloud ได้ง่าย รวดเร็ว สะดวกในการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ ไม่มีปัญหาเรื่องภาษาสื่อสาร หมดกังวลเรื่องความแตกต่างทางด้านเวลาTime Zone เพราะเป็นบริการ Cloud ในประเทศไทย รวมถึงยังช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายจากการถ่ายโอนข้อมูล (Data Transfer) อีกทั้งผู้ใช้บริการ  ยังมั่นใจในมาตรฐานการให้บริการ ISO 27001:2013 และรางวัลสุดยอดผู้ให้บริการด้าน Cloud Computing แห่งปี ของประเทศไทย “2017 Frost & Sullivan Thailand Infrastructure as a Service Provider of the Year Award” จาก Frost & Sullivan องค์กรให้คำปรึกษาและวิจัยระดับโลก ยืนยันในมาตรฐานการดำเนินงานและคุณภาพการให้บริการที่ CAT มุ่งพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอกย้ำความเป็น IRIS CLOUD Number ONE Trustable Cloud Provider ของประเทศไทย

นายชัยยุทธ ได้กล่าวปิดท้ายว่า CAT มุ่งมั่นที่จะพัฒนา Software บน CLOUD ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้ใช้บริการ        มีทางเลือกในการใช้งานเพิ่มขึ้น ในปีที่ผ่านมา CAT ได้รับความไว้วางใจจากภาครัฐให้เข้ามาดูแลในส่วน Infrastructure , Network, ระบบรักษาความปลอดภัยและมีพันธมิตรมืออาชีพดูแลพัฒนาระบบ Software ซึ่งระบบคลัง 4.0 Govconnect  จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การทำงานภาครัฐทำงานสะดวก รวดเร็ว ง่ายขึ้น และสรุปข้อมูลการใช้งบประมาณภาครัฐได้รวดเร็วและแม่นยำขึ้นอีกด้วย และ CAT มีแผนงานที่จะเปิดให้บริการ ERP ON CLOUD ในปลายปี 2560 ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพให้กับกลุ่มธุรกิจ SME และ STARTUP ในการพร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ “ไทยแลนด์ 4.0”

เปิดตัวแล้ว Galaxy S8 สมาร์ทโฟนไร้ขีดจำกัด

ซัมซุง เผยโฉม  Galaxy S8 ออกสู่สายตาชาวโลกเป็นครั้งแรก สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดนี้ฉีกกฏข้อจำกัดเดิมๆ ของสมาร์ทโฟน ด้วยการออกแบบตัวเครื่องที่งดงามไร้กรอบ ไร้ปุ่มโฮม หน้าจอแสดงผลแบบไร้กรอบช่วยเพื่อประสบการณ์การดื่มด่ำในอรรถรสได้อย่างเต็มเปี่ยม    Galaxy S8  ยกระดับของความสะดวกและการใช้งานสมาร์ทโฟนให้สูงขึ้นอีกระดับ พร้อมขยายโลกทัศน์ของความเป็นไปได้อย่างไร้ขอบเขต

galaxy-s8_3_combo_33679339096_o

เห็นโลกกว้างขึ้นเพื่อประสบการณ์มากขึ้น

Galaxy S8 พัฒนาภายใต้ดีไซน์จอภาพไร้กรอบ พร้อมการใช้งานที่ครบครัน จอภาพไร้กรอบสองขนาด คือ 5.8 นิ้วสำหรับ Galaxy S8 และ 6.2 นิ้วกับกาแลคซี่ เอส 8+  ผ่านการออกแบบพื้นผิวด้านหน้าที่เรียบลื่น ไร้ปุ่มโฮมและเหลี่ยมมุมให้สัมผัสต้องสะดุด มอบประสบการณ์การชมที่ช่วยให้สามารถดื่มด่ำกับภาพได้เต็มตาอย่างแท้จริง โดยไม่มีสิ่งกีดขวาง อีกทั้งยังช่วยให้การใช้งานแบบพร้อมกัน (Multi-tasking) มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น การออกแบบที่กะทัดรัดของ Galaxy S8  มอบความคล่องตัวในการใช้งานด้วยมือเดียว เสริมความทนทานและสัมผัสที่เปี่ยมคุณภาพด้วยผิวกระจก Corning® Gorilla® Glass 5 ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

ความสามารถ

นอกเหนือไปจากนวัตกรรมการออกแบบที่ใหม่ฉีกกฏแล้ว ซัมซุงยังมอบเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างต่อเนื่อง ทั้งกล้องประสิทธิภาพสูง รวมถึงคุณสมบัติต่างๆ ที่ผู้ใช้งานชื่นชอบอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้น อาทิ

  • กล้องประสิทธิภาพสูง กล้องหน้า7 พร้อมระบบออโต้โฟกัสอัจฉริยะความละเอียด 8MP และกล้องหลัง F1.7 Dual Pixel ความละเอียด 12MP เหมาะกับการใช้งานแม้ในสภาพแสงน้อย พร้อมระบบประมวลผลภาพที่ได้รับการปรับแต่งใหม่ให้การซูมและการป้องกันภาพเบลอมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • ประสิทธิภาพสูง ด้วยการใช้ระบบประมวลผล 10nm เป็นครั้งแรกของวงการ Samsung Galaxy S8 จึงอัดแน่นไปด้วยความสามารถและการเชื่อมต่อที่ทรงพลัง ช่วยเร่งความแรงและส่งประสิทธิภาพให้สูงขึ้น นอกจากนี้ ยังรองรับ gigabit LTE และ gigabit Wi-Fi ที่ช่วยให้สามารถดาวน์โหลดไฟล์ต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วในระดับที่สูงถึง 1 กิกะบิตต่อวินาที โดยไม่ต้องคำนึงว่าไฟล์จะมีขนาดเท่าใด
  • สุดยอดความบันเทิง Galaxy S8 เป็นสมาร์ทโฟนรายแรกของโลกที่ได้รับการรับรองจาก UHD Alliance ที่มาพร้อมการแสดงผลแบบ MOBILE HDR PREMIUM™ ดังนั้น ในเวลาที่คุณดูหนังเรื่องโปรดผ่าน กาแลคซี่ เอส 8คุณจะสามารถสัมผัสประสบการณ์แห่งสีสันและคอนทราสต์ที่บรรเจิดได้อย่างที่ผู้สร้างภาพยนตร์ถ่ายทำมา นอกจากนี้ ยังมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ก้าวไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยีกราฟฟิกที่คมชัดและเหนือกว่าในทุกรายละเอียด พร้อมติดตั้ง Game Pack ที่มีเกมให้เลือกมากมาย รวมถึงเกมต่างๆ ที่รองรับ Vulkan API
  • ความปลอดภัยบนสมาร์ทโฟนระดับโลก ด้วย ซัมซุง นอกซ์ (Samsung Knox) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มรักษาความปลอดภัยเกรดเทียบเท่าของกองทัพ รวมถึงเทคโนโลยีไบโอเมตริกร่วมด้วยอีกหลายอย่าง อาทิ ระบบสแกนลายนิ้วมือ ระบบสแกนม่านตา และระบบตรวจจับใบหน้า ให้ผู้ใช้สามารถเลือกรูปแบบการตรวจสอบตัวตนได้ตามความต้องการ

galaxy-s8_midnight_black_dual_32906583453_o

คุณสมบัติขั้นพื้นฐาน

  • มาตรฐานกันน้ำ กันฝุ่น IP68
  • รองรับ MicroSD ความจุสูงสุดถึง 256GB
  • การแสดงผลแบบ Always-on
  • ความสามารถรองรับการชาร์จแบตเตอรี่ไว และการชาร์จแบตเตอรี่แบบไร้สาย

รูปแบบใหม่ในการปฏิสัมพันธ์กับสมาร์ทโฟน

Bixby เป็นอินเตอร์เฟซอัจฉริยะที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้เครื่องได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยปุ่ม Bixby ใหม่ คุณจะสามารถเข้าถึงการใช้งาน Bixby ได้อย่างสะดวกง่ายดาย สามารถเลือกดู เลือกใช้บริการ และแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้อย่างง่ายดายเพียงใช้เสียง การสัมผัส หรือการพิมพ์ข้อความได้ เมื่อเปิดใช้ฟังก์ชั่นสั่งงานด้วยเสียงของ Bixby ระบบจะทำการเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นต่างๆ หลายตัวของซัมซุง อาทิ กล้องถ่ายรูป รายนามผู้ติดต่อ แกลเลอรี่ ข้อความ และการตั้งค่า โดยมีแผนการที่จะเพิ่มความสามารถให้ใช้กับแอพพลิเคชั่นอื่นๆ ได้มากขึ้นในอนาคต ทั้งที่เป็นแอพพลิเคชั่นของซัมซุงเอง และของที่อื่น ความสามารถในการรับรู้บริบทของ Bixby จะช่วยให้สามารถมอบความช่วยเหลือที่ถูกทางมากยิ่งขึ้น ผ่านการเรียนรู้จากลักษณะการใช้งานในอดีตของผู้ใช้ ทั้งเรื่องความสนใจ กิจกรรมและสถานที่ประจำของผู้ใช้งาน

ผู้ใช้งานสามารถเลือกซื้อ เลือกหาภาพ และดูรายละเอียดต่างๆ ของสถานที่ใกล้เคียงได้ด้วยการใช้เทคโนโลยีจำภาพของ  Bixby และเมื่อระบบรอบเคียงของ Bixby ขยายวงกว้างขึ้น มันจะสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ แอพพลิเคชั่น และบริการต่างๆ ได้ผ่านอินเตอร์เฟซตัวนี้เพียงตัวเดียว เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ให้กับรูปแบบชีวิตที่สะดวกเรียบง่าย

galaxy-s8_bixby_hands_on_07_33589585021_o

มอบประสบการณ์ที่เหนือกว่า

Galaxy S8  มอบประสบการณ์ที่เหนือกว่าด้วย เกียร์ วีอาร์ (Gear VR) ใหม่ด้วยระบบควบคุมจาก โอคูลัส (Oculus) ช่วยให้สามารถควบคุมการใช้งานได้ง่ายด้วยมือเพียงข้างเดียว เมื่อเข้าสู่โหมดอินเตอร์แอคทีฟเสมือนจริง ระบบควบคุมนี้จะสามารถตรวจจับความเคลื่อนไหวได้ดีกว่าเดิม และ  Galaxy S8  ยังสามารถเชื่อมต่อเข้ากับเกียร์ 360  (Gear 360) ใหม่เพื่อมอบประสบการณ์ภาพความละเอียดในระดับ 15MP และวีดีโอ 4K แบบ 360 องศา

ขุมพลังจากระบบประมวลผลของ Galaxy S8   ช่วยเสริมประสิทธิภาพการใช้งานให้ดียิ่งขึ้น ด้วยโซลูชั่นเฉพาะ                Samsung DeX ที่จะเปลี่ยนสมาร์ทโฟนของคุณให้กลายเป็นคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป Samsung DeX จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถแสดงและแก้ไขข้อมูลได้โดยตรงจากมือถือ ช่วยให้การทำงานผ่านสมาร์ทโฟนมีความรวดเร็ว และอัจฉริยภาพมากยิ่งขึ้น  

นอกจากนี้ ในช่วงเวลาที่อุปกรณ์ได้ถูกออกแบบเพื่อรองรับการใช้งานอินเตอร์เน็ต หรือ IoT มีเพิ่มมากขึ้นในท้องตลาด ทำให้การเชื่อมต่อกับเครือข่ายต่างๆ  ซับซ้อนมากขึ้น แต่ Samsung Connect จะสามารถบริหารจัดการอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย เพราะ Samsung Connect สามารถช่วยให้ผู้ใช้เปิดการตั้งค่าอุปกรณ์ต่อพ่วงทั้งหลายที่รองรับการใช้งาน IoT ได้อย่างรวดเร็วผ่านกระบวนการตั้งค่าเพียงสามขั้นตอน ซึ่งจะสามารถเชื่อมต่อทุกอุปกรณ์เข้าด้วยกันได้ผ่านแอพพลิเคชั่นประสานงานเพียงตัวเดียว

gn-flickr-album-cover2_32905938913_o (3)

Galaxy S8  ยังมาพร้อมบริการ Samsung Health ที่ได้รับการปรับแต่งใหม่ ขยายขอบเขตของรูปแบบบริการที่ได้รับการใช้งานอย่างแพร่หลายมากที่สุดตัวหนึ่งของซัมซุงสู่ผู้ใช้งานกว่า 60 ล้านคนต่อเดือน และ 11 ล้านคนต่อวันทั่วโลก Samsung Health รวบรวมบริการหลากหลาย อาทิ การดูแลสุขภาพทางไกล (ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น) โค้ชส่วนตัว และการเชื่อมต่อสื่อสังคมซึ่งถือเป็นการกำหนดนิยามใหม่ให้กับเรื่องฟิตเนส และการดูแลรักษาสุขภาพให้ต่างไปจากที่คุ้นเคย

ผู้ใช้ Galaxy S8  สามารถเก็บกระเป๋าสตางค์ไว้ที่บ้านได้เลย เพราะ Samsung Pay จะสามารถแปลงโทรศัพท์ให้กลายเป็นกระเป๋าเงินดิจิตอลที่สามารถใช้งานได้แทบทุกที่แทนบัตรเดบิตและบัตรเครดิตได้ทันที ด้วยความร่วมมือจากธนาคารพันธมิตรกว่า 870 แห่งทั่วโลก ณ วันนี้ จึงมีการทำธุรกรรมผ่าน Samsung Pay แล้วกว่า 240 ล้านรายการ

หูฟังทรงประสิทธิภาพใหม่จาก AKG by Harman ที่มอบคุณภาพเสียงไม่เป็นสองรองใคร จะมีมาพร้อมทันทีในกล่องอุปกรณ์เสริม หูฟังนี้ได้รับการออกแบบอย่างผสมผสานเพื่อให้สอดรับกับช่องหูได้อย่างลงตัว สวมใส่สบาย สามารถกำจัดเสียงรบกวนได้ดีกว่า และผลิตมาจากวัสดุผสมโลหะและเส้นใยผ้าที่สามารถป้องกันปัญหาสายพันกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Samsung Galaxy S8 จะเปิดจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน เป็นต้นไป และจะมีให้เลือกในหลากสีสดใส ไม่ว่าจะเป็น Midnight Black, Orchid Gray, Arctic Silver, Coral Blue และ Maple Gold

ขยายหน้าจอเป็น 3 เท่าด้วย “Slidenjoy” จอเสริมสำหรับโน้ตบุ๊ค

หลายคนที่ตัดสินใจซื้อคอมพิวเตอร์จากความสะดวกในการพกพา อาจเคยต้องเผชิญสถานการณ์ที่ต้องตัดใจเลือกคอมพิวเตอร์ที่มีหน้าจอไม่ใหญ่มากนัก เพื่อจะได้มีน้ำหนักไม่มาก และพกพาไปตามที่ต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย แต่ในเวลาทำงานจริง บางครั้งก็อาจติดขัดกับขนาดหน้าจอที่เล็กเกินไปจนยากจะมอนิเตอร์งานทั้งหมดได้ในหน้าจอเดียว

Screenshot_20170328-234849

ล่าสุดมีการพัฒนาอุปกรณ์บวกเพิ่มสำหรับเป็นหน้าจอที่ 2 และ 3 ของคอมพิวเตอร์ให้แล้วในชื่อ Slidenjoy Dual Monitor Extender โดยเป็นชุดอุปกรณ์สำหรับติดไว้ที่ด้านหลังของคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก และสามารถดึงหน้าจอออกมาเพิ่มได้อีกสองด้าน ทั้งซ้ายและขวา เพื่อการทำงานที่รอบด้านมากขึ้น

โดยจอดังกล่าวรองรับการทำงานทั้งบน Mac และ PC สามารถแสดงผลได้แบบ Full HD และมีตัวเครื่องที่บางมากเพียง 19 มิลลิเมตร ส่วนหน้าจอมีตั้งแต่ขนาด 13, 15 และ 17 นิ้ว เชื่อมต่อเข้ากับหน้าจอโน้ตบุ๊กเดิมได้ผ่านพอร์ต USB 3.0 และ USB-C กินไฟน้อยใช้เพียงกำลังไฟจากพอร์ต USB ก็สามารถทำงานได้แล้ว โดยมีสีให้เลือกหลากหลาย หรือจะเลือกเป็นลวดลายต่าง ๆ ก็ได้เช่นกัน

Screenshot_20170328-234909

สำหรับสนนราคาของหน้าจอ Slidenjoy นั้นอยู่ที่ 374.79 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 12,866 บาท ใครที่มีคอมพิวเตอร์เดิมอยู่แล้วและอยากให้หน้าจอขยายใหญ่ขึ้น Slidenjoy ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียว

ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.kickstarter.com/projects/slidenjoy/slidenjoy-double-or-triple-your-screens

ที่มา http://thegadgetflow.com/portfolio/slidenjoy-dual-monitor-extender/

Teradata ประกาศแต่งตั้งกรรมการผู้จัดการคนใหม่ประจำประเทศไทย

เทราดาต้า ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นการวิเคราะห์ข้อมูล ประกาศแต่งตั้งคุณจีรภา คงสว่างวงศา เป็นกรรมการผู้จัดการคนใหม่ประจำประเทศไทย โดยที่คุณจีรภาจะรายงานสายตรงกับมร. แอททิฟ คาทาริ ผู้จัดการทั่วไปประจำสิงคโปร์ มาเลเซีย และประเทศไทย (เอสเอ็มที)

Teradata executive photo2

คุณจีรภาจะดูแลรับผิดชอบด้านการพัฒนาธุรกิจของเทราดาต้าในประเทศไทยเพื่อสนับสนุนลูกค้าในการใช้และวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนการเจริญเติบโตและผลประกอบการทางธุรกิจทีมงานของเธอมุ่งเน้นการเจาะกลุ่มลูกค้ารายใหม่ ในขณะที่ยังช่วยให้ลูกค้ากลุ่มเดิมและกลุ่มใหม่สามารถค้นหาข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีอยู่ในองค์นั้นๆ เพื่อสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขัน และสอดคล้องกับวิสัยทัศน์การพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย4.0 ของรัฐบาลไทยในปัจจุบัน

คุณจีรภามีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมมากกว่า 20 ปี ในหลายประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย      สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกาและประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ตลาดเกิดใหม่ รวมถึงประสบการณ์การตลาดในประเทศที่เน้นธุรกิจภาคการเงิน การธนาคาร โทรคมนาคม ค้าปลีก พลังงาน และสายการบินก่อนร่วมงานกับเทราดาต้า คุณจีรภาดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการประจำภูมิภาคของอินโดจีน และก่อนหน้านั้นดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจประจำสำนักงานใหญ่ ของอินเจนนิโก้ เอเชียแปซิฟิกและเป็นหนึ่งในคณะกรรมการในประเทศไทยในช่วงสามปี ธุรกิจและจำนวนพนักงาน
ในประเทศไทยสำหรับภูมิภาคอินโดจีนเติบโตมากกว่า 15 เท่า  ก่อนร่วมงานกับอินเจนนิโก้  คุณจีรภาทำงานให้กับบริษัท เอเอ็มซี เวิลด์ไวด์ฮิวเลตต์-แพคการ์ด และไอบีเอ็ม โดยดูแลรับผิดชอบด้านการขาย การตลาด การวิจัยและพัฒนา และการบริการในประเทศและระดับภูมิภาค รวมทั้งการดำเนินธุรกิจที่ให้บริการลูกค้าทั่วภูมิภาคเอเชีย

คุณจีรภากล่าวว่า “ประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญสำหรับเทราดาต้า ขณะนี้เรามีฐานลูกค้าในกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคม ธนาคาร และพลังงานจำนวนมาก และเรามีความพร้อมที่จะขยายธุรกิจไปสู่กลุ่มค้าปลีกและสาธารณูปโภคเรามุ่งเน้นที่จะทำงานร่วมกับลูกค้าเพื่อช่วยให้พวกเขาใช้และวิเคราะห์ข้อมูลในการเสริมสร้างประสิทธิภาพ รวมทั้งการเพิ่มรายได้และพัฒนาผลการดำเนินงานของธุรกิจ”

ปัจจุบันนี้ เทราดาต้ามีพนักงานมากกว่า 10,000 คน และลูกค้ากว่า 1,400 รายทั่วโลก

MCT Submaine Cable สร้างอนาคตสดใส ให้กับผู้ประกอบการโทรคมนาคมในกัมพูชาและภูมิภาค

บริษัท เทลโคเทค จำกัด บริษัทลูกของ EZECOM และกลุ่มบริษัทพันธมิตร อันประกอบด้วยมาเลเชีย เทเลคอม, มาเลเซีย เบอร์ฮัด และซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น ของไทย ร่วมฉลองการเปิดให้บริการระบบเคเบิ้ลใต้น้ำมาเลเชีย-กัมพูชา-ไทยแลนด์ (MCT) และสถานีภาคพื้นดินในกัมพูชา  โดย หัวเว่ย มารีน ผู้จัดหาโซลูชั่นซับมารีนเน็ตเวิร์คระดับโลก ได้รับเลือกให้เป็นผู้ออกแบบและติดตั้งระบบทั้งหมด

พิธีสำคัญครั้งประวัติศาสตร์นี้ถือเป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มีประสิทธิภาพและมั่นคงยิ่งขึ้นระหว่างกัมพูชากับประเทศเพื่อนบ้าน โดยงานนี้ได้รับเกียรติจากสมเด็จกลาโหม ซอร์ เค็ง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกัมพูชา สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเตโชฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฯพณฯ ตรัม เอียว ตึก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคม รวมถึงเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและแขกผู้มีเกียรติจากหลายประเทศ

สมเด็จกลาโหม ได้กล่าวชื่นชมและแสดงความยินดีกับบริษัทและสถาบันต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และได้กล่าวว่า เขารู้สึกกระตือรือร้นที่จะได้สัมผัสกับ “ประสบการณ์การใช้งานที่เร็วกว่าเดิม” และหวังว่าประชาชนชาวกัมพูชาจะได้ร่วมแบ่งปันประสบการณ์การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่เสถียรในราคาที่ประหยัดขึ้นกว่าแต่ก่อนเช่นเดียวกับเขา

MCT Opening Ceremony

มร. พอล บลองช์-ฮอร์แกน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท EZECOM กล่าวในระหว่างพิธีเปิดว่า “เราทุกคนเฝ้าคอยเวลานี้มานาน โครงการนี้เริ่มขึ้นเมื่อ 6 ปีที่แล้ว และในปี 2560 นี้ ระบบทุกอย่างก็สามารถที่จะเชื่อมโยงถึงกันได้หมด เหมือนกับความฝันของเราได้กลายเป็นจริงแล้ว”

“ผลลัพธ์ที่เห็นได้ชัดเจนของระบบเคเบิ้ลคือการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตจะมีความมั่นคงมากขึ้น และตอนนี้เราก็สามารถที่จะเชื่อมโยงจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งได้โดยตรงผ่านสายเคเบิ้ล ซึ่งหมายถึงการเชื่อมโยงที่มั่นคงยิ่งขึ้นสำหรับกัมพูชา ดังที่สมเด็จกลาโหมเข้าใจ สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญยิ่งในแง่บริบทของความมั่นคงระดับชาติ รวมไปถึงภาคอุตสาหกรรมหลักต่างๆ อาทิ ธนาคาร” เขากล่าวเสริม

สมเด็จกลาโหม ซอร์ เค็ง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแห่งกัมพูชา กล่าวว่า “วันนี้ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศกัมพูชาด้านสารสนเทศและการสื่อสาร ผมรู้สึกภูมิใจในความทุ่มเทของทุกภาคส่วนที่ได้ทำงานอย่างหนักมาเป็นเวลาหลายปี เพื่อให้โครงการนี้ประสบผลสำเร็จ ขอขอบคุณระบบเคเบิ้ลใต้น้ำ MCT ตอนนี้ประเทศกัมพูชาก็จะมีการสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ตที่เชื่อถือได้ ราคาคุ้มค่า และที่สำคัญที่สุดคือ มั่นคงยิ่งขึ้น สำหรับทุกๆ คน ความสำเร็จในครั้งนี้ได้ส่งสัญญาณถึงความมั่นคงและความเชื่อมั่นที่ประเทศกัมพูชาพึงใจในทุกวันนี้อย่างเห็นได้ชัด ผมมั่นใจว่า มันจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเราให้เติบโตต่อเนื่อง และทำให้สถานะของเราทั้งในอาเซียนและระดับโลกแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”

โรไซมี ราห์มัน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายขาย เทเลคอมมาเลเซีย กล่าวถึงความสำเร็จในครั้งนี้ว่า “ประเทศมาเลเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทเลคอมมาเลเซีย มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการสำคัญระดับภูมิภาคอีกโครงการหนึ่ง และได้รับโอกาสเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัท เทลโคเทคของกัมพูชา และซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น ของไทยในการเชื่อมโยงภูมิภาคแห่งนี้ ระบบเคเบิ้ลใต้น้ำ MCT ที่ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นลงแล้วนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเทเลคอมมาเลเซีย ในฐานะที่เป็นองค์กรที่ดำเนินธุรกิจแบบค้าส่งของภูมิภาค ซึ่งมุ่งหวังจะยกระดับการติดต่อสื่อสารในอาเซียนให้ก้าวไกลยิ่งขึ้น”

นายธีรรัตน์ ปัณฑรสูตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) จากประเทศไทย ได้กล่าวแสดงความรู้สึกเช่นเดียวกันว่า  “เรารู้สึกภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการระบบเคเบิ้ลใต้น้ำ MCT ซึ่งเป็นระบบเคเบิ้ลใต้ทะเลระบบแรกของไทยที่ลงทุนโดยบริษัทเอกชน ถือเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่และเปี่ยมด้วยศักยภาพสำหรับวงการโทรคมนาคมของไทย เพราะจะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการให้บริการของซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น ทั้งการเชื่อมโยงภายในประเทศและระหว่างประเทศ รวมถึงสนับสนุนกิจการโทรคมนาคมของไทยและประเทศต่าง ๆ ในเอเซียให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น”

“ผมเชื่อว่า ประเทศไทยจะได้ประโยชน์มหาศาล เพราะระบบนี้จะสามารถรองรับความต้องการบริการจากลูกค้าของเราที่กำลังเพิ่มขึ้นเพื่อเชื่อมโยงไปยังประเทศต่างๆ และสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลของรัฐบาลด้วย  สำหรับภูมิภาคของเรา ผมมองว่า ความต้องการด้านโทรคมนาคมยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น MCT จะช่วยขยายศักยภาพการเชื่อมโยงสื่อสารของเอเชียให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป”

มร. ไมค์ คอนสเตเบิ้ล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หัวเว่ย มารีน กล่าวว่า “นี่คือช่วงเวลาแห่งความภาคภูมิใจที่บริษัทของเราได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการวางสายภาคพื้นดินโครงการเคเบิ้ลใต้น้ำระบบแรกเข้าสู่กัมพูชา และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการเชื่อมโยงสื่อสารความเร็วระดับสูงข้ามประเทศ เราได้ดำเนินการติดตั้งเทคโนโลยีล่าสุดในระบบนี้ และได้ส่งมอบโครงการนี้ตามกำหนดเวลาท่ามกลางความท้าทายต่างๆ ในฤดูมรสุม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการโครงการของหัวเว่ย มารีน เน็ตเวิร์ค ผมขอขอบคุณพันธมิตรของเรา บริษัท เทลโคเทค, เทเลคอมมาเลเซีย และซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่นส์ และขอชื่นชมวิสัยทัศน์ของทุกฝ่ายในการพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคที่สำคัญสำหรับภูมิภาคนี้”

Huawei Marine

 โครงการเคเบิ้ลใต้น้ำ MCT มีความยาว 1,300 กิโลเมตร และใช้เทคโนโลยี 100 Gbps อันทันสมัย ซึ่งจะมีศักยภาพรองรับการใช้งานได้อย่างน้อย 30 Tbps โครงการนี้จะเชื่อมต่อไปยังระบบเคเบิ้ลใต้น้ำอื่นๆ อาทิ เทลโคเทค ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติกัมพูชาเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นสมาชิกของเกตเวย์เอเชีย-อเมริกา และโครงการสื่อสารใต้น้ำระยะทาง 20,000 กิโลเมตร ซึ่งเชื่อมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปยังสหรัฐอเมริกา

ระบบนี้ยังใช้ประโยชน์ต่อยอดจากสถานีภาคพื้นดินต่างๆ โดยหนึ่งในนั้นคือ “สถานีภาคพื้นดินมิตเพียบ” ที่สีหนุห์วิลล์ ส่วนมาเลเซีย ตั้งอยู่ที่กวนตัน (เชราติ้ง) และที่ระยองในประเทศไทย นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ว่า ระบบเคเบิ้ลใต้ทะเล MCT จะเอื้อประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในกัมพูชาและดึงดูดเงินลงทุนมายังกัมพูชาได้มากยิ่งขึ้นด้วย

ฟิลิปส์ย้ำวิสัยทัศน์ “แสงต้องเป็นมากกว่าการส่องสว่าง” ขึ้นแท่นผู้นำ IoT

บริษัท ฟิลิปส์ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ตอกย้ำวิสัยทัศน์ผู้นำนวัตกรรมด้านแสงสว่าง ชูแนวคิด “แสงต้องเป็นมากกว่าการส่องสว่าง” (Light beyond illumination) ตอบโจทย์ด้วยนวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ Connected Lighting ที่เชื่อมต่อระบบแสงสว่างเข้ากับเทคโนโลยี “Internet of Things (IoT)” ปลดล็อกข้อจำกัด ผ่านการควบคุมแสงไฟในหลากหลายแอพพลิเคชั่น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจสูงสุด

ฟิลิปส์จัดงาน “Philips Light beyond illumination” ขึ้น ณ โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ สยามสแควร์วันในระหว่างวันที่ 24-25 มีนาคม 2560 เพื่อจัดแสดงนวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ ภายใต้แนวคิด Light beyond illumination ให้กับผู้เข้าร่วมงานในครั้งนี้กว่า 1,000 คน ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายฟิลิปส์ทั่วประเทศทั้งในส่วนของตลาดลูกค้าทั่วไป และลูกค้าโครงการ นักออกแบบแสงสว่าง วิศวกรไฟฟ้า และตัวแทนจากหน่วยงานทั้งในภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง

คุณเฉลิมพงษ์ ดรงค์สุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด _2
คุณเฉลิมพงษ์ ดรงค์สุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลิปส์อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด

นายเฉลิมพงษ์ ดรงค์สุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟิลิปส์ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว “ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านแสงสว่าง เราได้ศึกษาปัญหา เทรนด์การใช้งานและอนาคตของอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อมองหาหนทางใหม่ๆ ในการรองรับและเพิ่มศักยภาพให้กับการใช้งานที่เปลี่ยนไปในอนาคต โดยในโลกที่กำลังก้าวสู่ยุค 4.0 ด้วยเทคโนโลยี “Internet of Things (IoT)” ทำให้เราเล็งเห็นถึงศักยภาพในการนำเทคโนโลยีเข้ามาต่อยอดกับนวัตกรรมแสงสว่าง ทำให้อุปกรณ์สารพัดชนิด รวมทั้งอุปกรณ์สื่อสาร และอุปกรณ์ไฟฟ้าแสงสว่าง สามารถเชื่อมโยงและสื่อสารถึงกันได้ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และผู้คนสามารถควบคุมอุปกรณ์เหล่านี้ เพียงสั่งการด้วยปลายนิ้วมือผ่านอุปกรณ์อัจฉริยะ (Smart Devices) ซึ่งง่ายดายและสะดวกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เราจึงมองเห็นแนวโน้มที่ผู้ประกอบการต่างๆ เริ่มให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมแสงสว่างมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจมากขึ้น”

นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะ Connected Lighting ของฟิลิปส์ตอบโจทย์ความต้องการ เพราะผู้ใช้งานสามารถใช้ประโยชน์จากระบบแสงสว่างที่มีประสิทธิภาพมากกว่าการส่องสว่าง เข้ามาช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมและบริหารจัดการไม่ว่าจะเป็นระบบแสงในอาคารสำนักงานที่ให้พนักงานสามารถเลือกปรับการใช้งานได้เอง ระบบแสงที่สามารถนำทางในอาคารด้วยความแม่นยำสูง ไปจนถึงระบบการควบคุมไฟถนนอัจฉริยะที่สามารถควบคุมได้ผ่านโทรศัพท์มือถือ

นวัตกรรมแสงสว่างอัจฉริยะที่ฟิลิปส์นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ ประกอบด้วย

  • ฟิลิปส์ ลูมินัส เท็กซ์ไทล์ (Philips Luminous Textile) : ยกระดับการตกแต่งภายในด้วยไฟส่องสว่าง ใช้วัสดุสิ่งทอจาก Kvadrat ผู้ผลิตสิ่งทอชั้นนำจากยุโรป ติดตั้งและควบคุมได้ง่าย
  • ฟิลิปส์ ลูมินัส คาร์เพ็ทส์ (Philips Luminous Carpets): ผสานเทคโนโลยีฟิลิปส์แอลอีดีเข้ากับพรมคุณภาพของ Desso ผู้ผลิตพรมชั้นนำ สามารถตั้งระบบให้แสดงไฟและข้อความได้ล่วงหน้า
  • ฟิลิปส์ เกสต์ บาย ดีไซน์ (Philips Guest by Design): ผสานระบบไฟแสงสว่างกับระบบอื่นในห้องพัก พร้อมเชื่อมต่อและแจ้งสถานะของห้องไปยังระบบส่วนกลางเพื่อการจัดการห้องพักที่ดียิ่งขึ้น
  • ฟิลิปส์ คอนเน็คเต็ด พีโออี (พาวเวอร์ โอเวอร์ อีเธอเน็ต) (Philips Connected PoE (Power over Ethernet): ระบบไฟอัจฉริยะในสำนักงาน ต่อไฟและเชื่อมเน็ตเวิร์กในคราวเดียวด้วยสาย LAN ควบคุมแสงสว่างเฉพาะบริเวณส่วนตัวได้จากสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ต พร้อมมอบข้อมูลเชิงลึกด้านการใช้งาน เพื่อการวิเคราะห์วางแผนอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ฟิลิปส์ อินดอร์ โพสิชั่นนิ่ง (Philips Indoor Positioning): เทคโนโลยีแสงสว่างที่ระบุตำแหน่งอย่างแม่นยำเพื่อการค้นหาและนำทางในอาคาร
  • ฟิลิปส์ สโตร์ไวส์ (Philips StoreWise): ระบบไฟอัจฉริยะ ยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้บนสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ต สำหรับห้างสรรพสินค้าและร้านค้า
  • ฟิลิปส์ กรีนแมนูแฟคเจอริ่ง (Philips GreenManufacturing): ติดตั้งง่ายแทนโคมเดิมได้ทันที พร้อมฟังก์ชั่น “Daylight Harvesting” และ “Occupancy Control” ทำให้ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ฟิลิปส์ ฮีลเวลล์ (Philips HealWell): ระบบแสงสว่างในโรงพยาบาลที่มอบแสงที่สอดคล้องกับวงจรการทำกิจกรรมต่างๆ ส่งผลให้ผู้ป่วยมีวงจรการนอนที่ยาวนานขึ้น และฟื้นตัวได้เร็ว
  • ฟิลิปส์ ซิตี้ทัช (Philips CityTouch): ระบบการควบคุมไฟถนนอัจฉริยะที่ได้เชื่อมต่อเข้ากับโคมไฟแต่ละโคมผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ สามารถเปิดปิดหรือตั้งเวลาล่วงหน้าได้ผ่านแอพพลิเคชั่น พร้อมข้อความแจ้งเตือนเมื่อเกิดความผิดปกติกับโคมหรือตู้ไฟ
  • ฟิลิปส์ อารีน่าเอ็กซ์พีเรียนส์ (Philips ArenaExperience): ระบบไฟอัจฉริยะที่เข้าใจง่าย สะดวกต่อการใช้งาน ปิดและเปิดไฟได้ทันที ไม่ต้องรอ สามารถสั่งปรับหรี่ไฟ และการควบคุมในรูปแบบอื่นๆ ได้อย่างเต็มที่
  • ฟิลิปส์ แอคทีฟไซต์ (Philips ActiveSite): ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายด้วยโปรแกรมปรับเปลี่ยนเอฟเฟกต์แสงระยะไกลผ่านระบบคลาวด์ (Cloud-based control system) ติดตามสถานะการทำงานของอุปกรณ์ได้ตามเวลาจริง (Real Time)

นอกจากนวัตกรรมอัจฉริยะ Connected Lighting แล้ว ฟิลิปส์ยังเปิดตัวหลอดแอลอีดีรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นหลอดแอลอีดี บัลบ์ ดิมเอเบิล (Philips LED Bulb Dimmable) แบบหรี่แสงได้ หลอดแอลอีดี ซีนสวิตช์ (Philips LED SceneSwitch) ที่สามารถเปลี่ยนสี สร้างบรรยากาศใหม่ให้กับห้องได้เพียงเปิดปิด และชุดผลิตภัณฑ์สวิตซ์และเต้ารับรุ่นออริกามิสไตล์ (Origami Style) เพื่อตอบโจทย์ทุกการใช้งานของผู้บริโภคอีกด้วย

“ในฐานะผู้นำตลาดด้านธุรกิจส่องสว่าง ฟิลิปส์ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการเพิ่มมูลค่าและพัฒนาธุรกิจในภาคส่วนต่างๆ ด้วยนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การลงทุนในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นภาคการท่องเที่ยวและการโรงแรม โรงพยาบาล หรือกับหน่วยงานรัฐ โดยเรามุ่งหวังที่จะสร้างความร่วมมือสำคัญในการวางโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อการต่อยอดที่ยั่งยืนในอนาคต” นายเฉลิมพงษ์กล่าวปิดท้าย

Clayola เครื่องมือช่วยรดน้ำต้นไม้ จากภูมิปัญญาสู่นวัตกรรมทำเงิน

สำหรับใครที่รักต้นไม้ แต่ด้วยหน้าที่การงานทำให้ต้องเดินทางบ่อยครั้ง จนไม่สามารถรดน้ำต้นไม้ได้ตามที่ควรจะเป็น บริษัทในอียิปต์ได้นำภูมิปัญญาพื้นบ้านของชาวแอฟริกันโบราณมาพัฒนาเป็นอุปกรณ์ช่วยในการรดน้ำต้นไม้แล้วในชื่อ “Clayola” 

clayola-egypt-water-plants-5-889x478

สำหรับคนไทย Clayola อาจพ้องกับหลักการของ “กาลักน้ำ” ที่สายยางจะดูดน้ำจากแหล่งน้ำที่อยู่สูงกว่าให้ไหลลงมายังแหล่งที่อยู่ต่ำกว่าโดยอาศัยแรงโน้มถ่วงของโลก แต่สิ่งหนึ่งที่ Clayola น่าจะโดดเด่นก็คือการเป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์คนที่ไม่มีเวลารดน้ำต้นไม้ได้จริง

clayola-egypt-water-plants-1-889x565

โดยบริษัทผู้ผลิตได้ขายอุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นชุด ๆ ละ 6 ชิ้น สำหรับให้นำไปฝังในกระถางต้นไม้ และมีสายยางโยงกับถังน้ำขนาดใหญ่ (ถังน้ำขนาดใหญ่ต้องหาเอง ไม่มีแถมมาด้วย) เพื่อดึงน้ำจากถังน้ำขนาดใหญ่มาจ่ายให้กับกระถางต้นไม้ได้ตามต้องการ โดยการจ่ายน้ำจะเริ่มเมื่อดินในกระถางต้นไม้เริ่มขาดความชุ่มชื้น น้ำก็จะซึมออกจากพ็อดดินเผามาเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดินในกระถาง ซึ่งหากถังน้ำมีขนาดใหญ่มาก ๆ บางทีเจ้าของอาจไม่ต้องรดน้ำต้นไม้นานเป็นเดือนได้เลยทีเดียว

clayola-egypt-water-plants-6-889x594 clayola-egypt-water-plants-lead1-889x551

ข้อสำคัญของการใช้เทคนิคนี้มีเพียงอย่างเดียวก็คือ แหล่งจ่ายน้ำต้องอยู่สูงกว่ากระถางต้นไม้ที่นำ Clayola ไปฝังไว้ เพราะจะได้ดูดน้ำลงมาได้ตามต้องการ ส่วนราคาขายของ Clayola นั้น หนึ่งชุดมี 6 ชิ้น ในราคาประมาณ 30 เหรียญสหรัฐ

ที่มา https://www.springwise.com/ancient-irrigation-technique-waters-plants-month/

CAT ร่วมพิธีแถลงข่าวความร่วมมือและเปิดตัวโครงการ Smart Thailand

นายชัยยุทธ สันทนานุการ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาดและการขาย บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT ร่วมพิธีแถลงข่าวความร่วมมือและเปิดตัวโครงการ Smart Thailand โดย ITAP สวทช. ร่วมกับ ภาคีความร่วมมือ ซึ่งทางกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โปรแกรมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) พร้อมด้วยหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมเป็นพันธมิตรในภาคีความร่วมมือ เพื่อเชื่อมโยงกลุ่มผู้ประกอบการ นักวิจัย และผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ     และปลายน้ำ ของเทคโนโลยีให้ทราบถึงแนวทางการสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยี สร้างสรรค์นวัตกรรมที่สามารถประยุกต์ใช้ได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพและช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันตอบโจทย์ไทยแลนด์ 4.0 เพื่อความมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต

17493152_800903353392701_6706947851227793338_o

ไซเซลเปิดตัวโซลูชั่นเนบูล่าช่วยเอสเอ็มบีเริ่มใช้คลาวด์อย่างง่ายดาย

จากประสบการณ์ที่ไซเซลได้มีโอกาสทำงานร่วมกับผู้ให้บริการ องค์กรขนาดใหญ่ และองค์กรในอุตสาหกรรมที่หลากหลายในประเทศไทยมานานนี้ ทำให้ไซเซลเห็นแนวโน้มในปัจจุบัน ที่องค์กรในประเทศไทยใช้คลาวด์เพื่อเร่งพัฒนาธุรกิจในหลายๆ ด้านซึ่งองค์กรขนาดใหญ่ส่วนใหญ่มีศักยภาพในการจัดสรรงบการลงทุนสร้างคลาวด์ของตนเองหรือลงทุนในการเชื่อมโยงเครือข่ายเข้ากับคลาวด์ได้อย่างเพียงพอ แต่สำหรับกลุ่มองค์กรที่มีขนาดกลางและเล็กรวมถึงองค์กรที่ต้องการก้าวสู่คลาวด์อย่างรวดเร็วนั้น อาจต้องการโซลูชั่นที่ยืดหยุ่นช่วยให้ก้าวสู่คลาวด์อย่างรวดเร็ว

Zyxel_groupไซเซลจึงเปิดตัวเนบูล่า- โซลูชั่นด้านการเชื่อมโยงและจัดการเครือข่ายผ่านคลาวด์ (Next Generation Cloud Management Solution) – ซึ่งเป็นโซลูชั่นใหม่ที่ช่วยเอสเอ็มบีสร้างศักยภาพก้าวสู่คลาวด์อย่างง่ายๆ

มร. คลาวลี่ วู ผู้ช่วยรองประธานอาวุโส  กลุ่มธุรกิจโซลูชั่นเครือข่าย บริษัท  ไซเซล คอมมิวนิเคชั่นส์  คอร์ปอเรชั่น ไต้หวัน ได้อธิบายว่า “เนบูล่าเป็นระบบบริหารจัดการเครือข่ายผ่านคลาวด์ที่ทำงานผ่านคลาวด์ทั้งหมด 100%  เนบูล่าแตกต่างจากโซลูชั่นการเชื่อมโยงบนคลาวด์ของรายอื่นที่มักเน้นการบริหารเครือข่ายไร้สายเท่านั้น แต่เนบูล่าจากไซเซลนี้เป็นแบรนด์ด้านเครือข่ายรายแรกในไต้หวันที่มีโซลูชั่นรองรับทั้งอุปกรณ์มีสายไร้สายและและซีเคียวริตี้ครบในโซลูชั่นเดียว

เนบูล่าให้ความยืดหยุ่นสูงและมีราคาที่เริ่มต้นใช้งานอย่างง่ายๆ ลูกค้าที่มีธุรกิจขนาดกลางและเล็กสามารถเริ่มต้นใช้งานเพียง 1 แห่งได้ ก่อนที่จะขยายสาขาตามการเติบโตของธุรกิจในภายหลัง  ทั้งนี้โซลูชั่นเนบูล่ามีอุปกรณ์ที่ครบครัน อันประกอบไปด้วยอุปกรณ์แอคเซสพ้อยท์ไร้สาย สวิตช์และซีเคียวริตี้เกทเวย์อันครบถ้วนและถูกบริหารผ่านศูนย์ควบคุมเนบูล่า (Nebula Control Center)   ซึ่งศูนย์ควบคุมเนบูล่านี้จะส่งข้อมูลที่ถูกเข้ารหัส จึงมีความปลอดภัยสูง

ในเบื้องต้น กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือ ธุรกิจที่มีการเชื่อมโยงหลายสถานที่ อาทิ โรงแรม เชนร้านค้า สถาบันการศึกษาและองค์กรขนาดเล็กในประเทศไทย

ทั้งนี้ นายสิทธิชีพ สมเกียรติ กรรมการผู้จัดการ แห่ง บริษัท ไซเซล (ไทยแลนด์)  จำกัด ได้เปิดเผยว่า “ไซเซล (ไทยแลนด์) ตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ทั้งสิ้น 400 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเจริญเติบโตจากปีที่แล้วมากถึง 30% โดยที่ธุรกิจหลักขององค์กร คือกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อด้านธุรกิจสำหรับเครือข่ายมีสายและไร้สาย ซึ่งสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ มากกว่า 50%  ทั้งนี้ บริษัทฯ หวังว่า โซลูชั่นเนบูล่านี้จะตอบสนองความต้องการของธุรกิจเอสเอ็มบีอย่างเหมาะสมทั้งในด้านเทคโนโลยีและการลงทุนจึงน่าจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีก 15% ของรายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อด้านธุรกิจในประเทศไทยในปีนี้”

ศูนย์ข้อมูลโมดูลาร์ ของเวอร์ทีฟ ได้รางวัล Leadership Award จาก Frost & Sullivan ประจำปี 2559

Vertiv หรือชื่อเดิมคือ อิเมอร์สัน เนทเวอร์ค พาวเวอร์ ได้รับรางวัล Asia Pacific Modular Data Center Customer Value Leadership ประจำปี 2559 จากฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน (Frost & Sullivan) โดยรางวัลดังกล่าวจะมอบให้กับองค์กรที่เป็นแบบอย่างความสำเร็จในการพัฒนาโซลูชั่นที่ทำประโยชน์สูงสุดให้กับลูกค้าในตลาดศูนย์ข้อมูลโมดูลาร์

เวอร์ทีฟ เป็นผู้นำด้านโซลูชั่นโครงสร้างพื้นฐานที่สามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็ว สามารถเพิ่มขยายในอนาคต และรองรับการใช้งานทุกรูปแบบได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากโซลูชั่นศูนย์ข้อมูลโมดูลาร์นี้มีกระบวนการทำงานในลักษณะ ออกแบบ-ก่อสร้าง (Design-Built Process) ซึ่งเมื่อนำไปใช้งานจริงจะเร็วกว่าศูนย์ข้อมูลรูปแบบเก่าถึง 50%

maxresdefault

ศูนย์ข้อมูลโมดูลาร์ ของเวอร์ทีฟได้ถูกนำไปใช้กับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในเอเชีย แปซิฟิก โดยเฉพาะการใช้งานในธุรกิจโทรคมนาคมในประเทศออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ และเมียนมาร์

อัตราการเติบโตและการใช้งานเทคโนโลยีในธุรกิจต่างๆ เพิ่มขึ้นสูงมาก การบูรณาการด้านไอที และโครงข่ายการสื่อสารจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับองค์กรที่ต้องการลดต้นทุนการดำเนินงาน แต่ขณะเดียวกันยังสามารถให้บริการที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าได้

สตีฟ เชลลีย์ รองประธานกรรมการฝ่ายโซลูชั่นโมดูลาร์ของเวอร์ทีฟ เอเชีย แปซิฟิก กล่าวว่า “ศูนย์ข้อมูล โมดูลาร์ของเราแตกต่างจากศูนย์ข้อมูลทั่วไป เพราะเราไม่ได้สร้างศูนย์ข้อมูลแบบตู้ แต่เราให้บริการศูนย์ข้อมูลที่ออกแบบเฉพาะสำหรับลูกค้าแต่ละราย โดยพิจารณาจากสภาพภูมิศาสตร์ ภูมิอากาศ ข้อมูลด้านเทคโนโลยี หรือแม้แต่ในแง่วัฒนธรรมของพื้นที่นั้นๆ ซึ่งทำให้เราสามารถสร้างสรรค์โซลูชั่นที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ด้วยการผสมผสานกันระหว่างดีไซน์และความเชี่ยวชาญที่เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมนี้”

“IMS (Integrated Modular Solution) ซึ่งสามารถรองรับการเพิ่มขยายในอนาคต เป็นตัวอย่างหนึ่งของความเป็นเลิศในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเวอร์ทีฟ โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้เวอร์ทีฟเป็นเลิศนั้น อย่างแรกคือ ความมุ่งมั่นในการหาวิธีลดต้นทุนรวม สองคือ เวอร์ทีฟสามารถเพิ่มฟีเจอร์และประโยชน์ใช้สอยต่างๆ เพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับกลุ่มผู้ใช้งาน” กาวทัม เยียนาโจซี นักวิเคราะห์อาวุโสด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมจากฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน กล่าว

You may have missed