04/26/2024

Month: January 2017

ตรวจสอบการบกพร่องของเครื่องจักรด้วยคลื่นอัลตร้าโซนิคและ Deep Learning

ล้ำไปอีกขั้นกับสตาร์ทอัปอิสราเอลที่ใช้เทคโนโลยี Deep Learning และคลื่น Ultrasonic เข้าตรวจสอบการทำงานของเครื่องจักรในโรงงาน โดยเทคนิคดังกล่าวจะช่วยให้ระบบสามารถแจ้งเตือนได้ก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้น

004

413fca_aced71a3bce44c9495f97a97ecf128bc~mv2

413fca_6bb14d2ad9dd4314a1ab079b8ef87089~mv2

3DSignals บริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวเผยว่า การระบุปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นกับการทำงานของเครื่องจักรภายในโรงงานเป็นเรื่องยาก แต่ด้วยการใช้เซนเซอร์อัลตร้าโซนิคแบบไร้สายที่สามารถตรวจจับเสียงที่ได้จากการทำงานของเครื่องจักรแล้วนำมาประมวลผลโดยใช้เทคโนโลยี Deep Learning นั้น สามารถคาดการณ์ถึงความผิดปกติในการทำงานของเครื่องจักรเหล่านั้นได้แล้ว

โดย Deep learning จะสามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างเสียงของเครื่องจักรที่ทำงานปกติกับเสียงที่เริ่มแสดงอาการผิดปกติ รวมถึงสามารถระบุได้ว่าอุปกรณ์ชิ้นใดที่อาจเสื่อมสภาพก่อนที่เหตุการณ์นั้น ๆ จะเกิดขึ้นจริง ซึ่งจะป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อกระบวนการการผลิตทั้งหมดได้นั่นเอง

Picture

การพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวนี้ถือได้ว่ามีประโยชน์มาก เนื่องจากเป็นการคาดการณ์ถึงปัญหาที่มีแนวโน้มว่าจะเกิดล่วงหน้า ทำให้วิศวกรสามารถตรวจสอบได้ก่อน ว่าชิ้นส่วนต่าง ๆ นั้น ผิดปกติจริงไหม ซึ่งหากเปลี่ยนได้ทันท่วงที นอกจากจะช่วยโรงงานลดค่าเสียหายที่จะเกิดขึ้นหากเครื่องจักรใช้การไม่ได้แล้ว และยังทำให้ผู้ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้เร็วขึ้น และ ลดความเสี่ยงที่อุปกรณ์จะเกิดความเสียหายร้ายแรงได้ด้วย

ด้านผู้ก่อตั้ง 3DSignals เผยว่า อัลกอริธึมจาก Deep Learning นั้นสามารถตรวจจับและทำนายปัญหาที่จะเกิดได้อย่างแม่นยำถึง 98 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

เห็นข่าวนี้แล้วนึกถึงช่างซ่อมรถมืออาชีพหลายคน ที่แค่ฟังเสียงก็รู้ว่าเครื่องยนต์มีความผิดปรกติตรงส่วนไหน

หากทำงานได่แม่นยำอย่างที่กล่าวไว้จริง นวัตกรรมนี้น่าจะเข้าปฏิวัตการซ่อมบำรุงเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรมในอนาคตได้เลยทีเดียว

ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.3dsig.com/

ที่มา https://www.springwise.com

สวีเดนพัฒนาระบบแฮคเครื่องเสียงรถยนต์ผ่านคลื่นวิทยุสำหรับ “รถพยาบาล”

การช่วยชีวิตผู้ป่วย นอกจากใจที่มุ่งมั่นแล้ว บางทีเรายังอาจต้องการ “เทคโนโลยี” เข้ามาช่วยด้วยเช่นกัน เหมือนกรณีของรถพยาบาลในกรุงสต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดนที่มีการพัฒนาระบบส่งสัญญาณขอให้รถคันหน้าช่วยหลีกทางให้ โดยความพิเศษคือ เทคโนโลยีตัวนี้สามารถแฮคระบบเครื่องเสียงของรถคันหน้าได้เลยทีเดียว

5845711339_1765da747e_o1

เหตุที่ต้องแฮคเข้าไปในเครื่องเสียงของรถคันหน้าให้ได้เป็นเพราะรถพยาบาลในสวีเดนเคยเกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง จากการที่รถคันหน้าไม่ยอมหลีกทางให้ ซึ่งส่วนหนึ่งอาจมาจากการเปิดเพลงดังมากจนไม่ได้ยินเสียงไซเรนจากรถพยาบาล ทำให้รถพยาบาลเบรกไม่ทัน และชนรถคันหน้าแทนที่จะได้ช่วยผู้ป่วยให้รอดชีวิต

นักศึกษาจากสถาบันเทคโนโลยี Kungl Tekniska Hogslolan (KTH) Royal Institute of Technology สามคนจึงได้พัฒนาระบบชื่อ EVAM System ขึ้นมา ความสามารถของมันก็คือ ขอเพียงรถคันหน้าเปิดเครื่องเสียง ไม่ว่าจะฟังเพลงจากซีดี วิทยุ หรือบลูทูธก็ตาม เมื่อรถพยาบาลต้องการขอทาง มันจะแฮคระบบเสียงไม่ให้เล่นเพลง พร้อมมีข้อความขอร้องให้ช่วยหลีกทางปรากฏบนหน้าจอ Dashboard ของรถคันนั้น

002

ส่วนถ้ารถคันไหนไม่ได้เปิดวิทยุก็ไม่ต้องเสียใจ (ระบบนี้จะทำงานได้ก็ต่อเมื่อรถคันหน้าเปิดระบบเครื่องเสียงเท่านั้น) เพราะนั่นเท่ากับว่า คนขับน่าจะฟังเสียงไซเรนขอทางของรถพยาบาลได้ชัดเจนอยู่แล้ว

ที่น่าสนใจคือระบบ EVAM จะวิเคราะห์ได้ หากพบว่ารถอยู่บนไฮย์เวย์ หรือสภาพการจราจรมีความคล่องตัวสูง ระบบจะยิ่งคลื่นวิทยุออกไปยังรถคันหน้าเร็วกว่า (เผื่อระยะห่างระหว่างรถคันหน้ากับรถของเราค่อนข้างไกล) แต่ถ้าเป็นการจราจรติดขัด หรือเคลื่อนตัวช้า ระบบจะยิ่งคลื่นวิทยุออกไปข้ากว่า (ระยะห่างระหว่างรถคันหน้ากับรถเราค่อนข้างสั้น) ซึ่งสวีเดนเผยว่าจะมีการทดสอบการทำงานของรถพยาบาลลักษณะนี้ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ด้วย

003

ที่มา : www.springwise.com

Trend Micro ได้รับตำแหน่งผู้นำด้านความปลอดภัยอีเมล์ในระดับโลก ตามรายงานของ IDC MarketScape

บริษัท Trend Micro (TYO: 4707) ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นความปลอดภัยทางไซเบอร์ ได้รับยกย่องให้ขึ้นเป็นตำแหน่งผู้นำ (Leader) ในรายงาน IDC MarketScape: Worldwide Email Security 2016 Vendor Assessment (เลขที่เอกสาร #US41943716 ฉบับธันวาคม 2559)

Trend-Micro-Logo.svg

Trend Micro ได้รับตำแหน่งผู้นำของกลุ่มผลิตภัณฑ์ในรายงาน IDC MarketScape ประจำปีนี้ เนื่องจากพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้านแมสเสจจิ้งให้เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในชุดผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยของตนเอง ที่ได้รวมเอาผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยสำหรับเอนด์พอยต์, เว็บ, การเข้ารหัส, อุปกรณ์พกพา, และในเร็วๆ นี้จะมีผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยบนเครือข่ายมาผสานรวมกัน” รายงานกล่าว

Trend Micro ได้ให้ความสำคัญกับแนวทางใหม่ล่าสุดหลายประการในด้านความปลอดภัยของอีเมล์ ได้แก่ ฟีเจอร์การวิเคราะห์และป้องกันอันตรายแบบจำเพาะหรือ STAP ที่มีการใช้ทั้งเทคโนโลยีแซนด์บ็อกส์ และกลไกการป้องกันอีเมล์หลอกลวงแบบเจาะจงเป้าหมาย (Spear Phishing) ทำให้บริษัทได้รับตำแหน่งผู้นำครั้งนี้ อีกทั้งลูกค้าหลายกลุ่มต่างชื่นชอบผลิตภัณฑ์ด้านอีเมล์ของ Trend Micro ตรงการติดตั้งและใช้งานที่ง่ายดายด้วย

“เรามุ่งมั่นที่จะก้าวนำหน้าของเทรนด์การโจมตีอยู่เสมอ และปกป้องลูกค้าของเราจากอันตรายด้านความปลอดภัยที่กำลังพัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็วเหล่านี้” เควิน ซิมเซอร์ รองประธานบริหารฝ่ายงานขาย, การตลาด, และด้านการพัฒนาธุรกิจของ Trend Micro กล่าว “เรามีเป้าหมายที่ต้องการให้ผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัยอีเมล์ของเราเป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน พร้อมทั้งให้ความสามารถระดับชั้นนำมากมายที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายและจำเพาะได้ ขณะที่ยังรักษาความปลอดภัยไว้ที่ระดับสูงสุดในการรับมือกับอันตรายและอีเมล์ประสงค์ร้ายต่างๆ”

อ้างอิงจากรายงาน IDC MarketScapeTrend Micro เป็นผู้ที่รับฟังความเห็นของลูกค้าได้ดีมาก และปรับแต่งผลิตภัณฑ์ของตัวเองตามเทรนด์ความปลอดภัยปัจจุบันให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าได้อย่างลงตัว” รายงานยังได้อธิบายต่อถึงความสามารถของ Trend Micro ในการ “สร้างเครือข่ายพาร์ทเนอร์ช่องทางจัดจำหน่าย, โครงสร้างงานขาย, และให้ทางเลือกการผนวกชุดผลิตภัณฑ์ของตนเองที่หลากหลาย ทำให้พาร์ทเนอร์เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ได้ง่าย รวมทั้งให้ข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับวิธีการ, เวลา, และตำแหน่งที่ลูกค้าควรซื้อผลิตภัณฑ์และฟีเจอร์เพิ่มเติม”

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการจัดอันดับของรายงาน IDC MarketScape กรุณาเยี่ยมชม:

https://resources.trendmicro.com/IDC-MarketScape-Email-Security-Leader.html.

RAPAEL ถุงมืออัจฉริยะ ช่วยทำกายภาพบำบัดด้วย VR

NEOFECT บริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์พัฒนาเทคโนโลยีสำหรับช่วยผู้ที่มีอาการเส้นเลือดสมองอุดตันให้ดีขึ้นด้วยถุงมืออัจฉริยะ RAPAEL ที่มาพร้อมแบบฝึกหัดให้มือได้บริหารผ่านเกมต่าง ๆ ที่มีการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง แถมด้วยระบบมอนิเตอร์ที่สามารถแสดงผลการพัฒนาได้แบบเรียลไทม์ ที่สำคัญ หากต้องการกลับไปรักษาตัวที่บ้าน ก็สามารถเช่าไปใช้ได้ในราคาไม่แพงด้วย

rapael-smart-glove

RAPAEL เป็นถุงมือที่มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะสำหรับช่วยให้ผู้ป่วยได้ฝึกการเคลื่อนไหวของมือผ่านเกมต่าง ๆ พร้อมภารกิจที่ท้าทายความสามารถ ทำให้การทำกายภาพทำได้อย่างสนุกสนานมากขึ้น โดยเกมในระบบเวอร์ชวล เรียลิตี้ที่มาพร้อมกันกับตัวเครื่องนั้นมีหลากหลาย เช่น เกมหยิบของไปวางไว้อีกที่หนึ่ง เกมขับเครื่องบิน เกมดับเพลิง เกมบีบมะนาว ซึ่งเมื่อผู้ป่วยได้กายภาพผ่านเกมเหล่านี้ก็จะทำให้สนุกมากขึ้น และมีกำลังใจที่จะทำกายภาพมากขึ้นด้วย และในมุมของนักกายภาพ ก็สามารถใช้ระบบมอนิเตอร์ที่มาพร้อมกันวิเคราะห์ข้อมูลการรักษา ว่าผู้ป่วยมีพัฒนาการอย่างไรบ้าง รวมถึงสามารถปรับแต่งตารางกิจกรรมในแต่ละวันให้ยากหรือง่ายขึ้นได้ด้วย

002

โดยผู้ป่วยจะได้รับการแนะนำให้สวมถุงมือดังกล่าวนี้ประมาณครั้งละ 30 นาที 1 – 2 ครั้งต่อวัน ซึ่งข้อดีของถุงมือนี้คือ สามารถเช่าใช้ได้ในระหว่างกลับไปรักษาตัวที่บ้าน โดยค่าเช่าถุงมือพร้อมอุปกรณ์มอนิเตอร์มีราคา 99 เหรียญสหรัฐต่อเดือน หรือประมาณ 3,486 บาทเท่านั้น

ถือเป็นการพัฒนาระบบดูแลผู้ป่วยที่ค่าใช้จ่ายไม่แพง และมีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ความต้องการในการรักษาที่ดีตัวหนึ่งเลยทีเดียว

 ที่มา : http://www.trendhunter.com

แปรงสีฟัน IoT ใช้ AI วิเคราะห์สุขภาพช่องปาก-ลดคราบหินปูน

ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี IoT ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยี Deep-Learning กำลังพุ่งทะยาน โดยแทบทุกวันนี้เราได้พบเห็นการผนวกความสามารถของ AI ลงในอุปกรณ์ต่าง ๆ มากมาย ไม่เว้นแม้แต่ “แปรงสีฟัน” ที่นำ AI มาช่วยวิเคราะห์รูปแบบการแปรงฟันให้ถูกวิธีกันแล้ว

Baฬ€D debout avec AbK

โดยแปรงสีฟันดังกล่าวมีชื่อว่า Kolibree Ara ที่สามารถช่วยลดปัญหาในช่องปากได้ผ่านเทคโนโลยี Deep-Learning แถมยังได้ชื่อว่าเป็นแปรงสีฟันตัวแรกที่ทำงานร่วมกับ AI ได้ด้วย ความสามารถของ Kolibree Ara คือการวิเคราะห์รูปแบบการแปรงฟัน การวัดค่าสุขภาพในช่องปาก และกลับมาบอกกับเจ้าของได้ว่า ต้องปรับปรุงตรงจุดไหนบ้างจึงจะทำให้สุขภาพช่องปากดีขึ้นได้

สำหรับการทำงานของแปรงสีฟัน Kolibree Ara นั้นประกอบด้วยเซนเซอร์ต่าง ๆ มากมาย เช่น เซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวแบบสามมิติ (3D Motion Sensors), accelerometer, gyroscope และ magnetometer ซึ่งจะส่งข้อมูลรูปแบบการแปรงฟันเข้าไปยังแอปพลิเคชันเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลต่อไป ตัวแปรงหนักประมาณ 2.5 ออนซ์ แบตเตอรีมีอายุการใช้งานยาวนานถึง 2 สัปดาห์ ทำให้สะดวกทั้งใช้งานในบ้านและพกพาไปใช้ในระหว่างการท่องเที่ยว

แต่ในระหว่างที่แปรงสีฟันกำลังทำงานอยู่นั้นที่หน้าจอของแอปพลิเคชันก็มีการทำงานเช่นกันเช่นหากเป็นการแปรงของเด็กก็จะมีเกมมาให้เล่นเพิ่มความท้าทายหรือถ้าเป็นการแปรงของผู้ใหญ่ก็จะมีอินเตอร์เฟสที่แสดงให้เห็นว่าแปรงได้ดีพอหรือยังปรากฏอยู่ด้วย

นอกจากนั้น ในทุก ๆ สัปดาห์จะมีรีพอร์ตส่งตรงมายังอีเมล เพื่อจะบอกว่า ผลการแปรงฟันเมื่อ 7 วันก่อนเป็นอย่างไรบ้างนั่นเอง

AI เริ่มเข้ามาใกล้ตัวเรากันมากขึ้นทุกที ดังนั้นหากจะมี AI อีกสักตัวเป็นแปรงสีฟันก็คงไม่แปลกอะไร

ราคาจำหน่ายช่วงเปิดตัว : 2800 บาท สามารถสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ https://www.kolibree.com ได้เลย

ที่มา http://www.trendhunter.com

FTTH FOR THAILAND 4.0 งานสัมมนาเทคโนโลยีไฟเบอร์ออปติกครั้งแรกของปี 2017

บริษัทอินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) จัดงานสัมมนา “FTTH FOR THAILAND 4.0” อัพเดทสาระความรู้เทคโนโลยีสาย Fiber Optic ใหม่ล่าสุด ทั้งความแตกต่างของเส้นใยแก้วนำแสงแต่ละชนิด การออกแบบและการเลือกใช้งานอุปกรณ์ Fiber Optic การเพิ่มประสิทธิภาพของสายใยแก้วนำแสงด้วยตัวแปลงสัญญาณระบบ IP รวมทั้งแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่และผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮไลท์ของงาน โดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญจากกลุ่มบริษัทอินเตอร์ลิ้งค์

001

002

โดยมี คุณสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่กลุ่มบริษัทอินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นประธานกล่าวเปิดงาน พร้อมพบกับแขกรับเชิญสุดพิเศษ ดร.สมมาตร แสงเงิน ผู้อำนวยการบัณฑิตศึกษา สาขาวิชาวิศวกรรมไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงบูธ Solution ของ LINK Fiber Optic System เต็มพื้นที่งาน พร้อมแจกของที่ระลึกสุดพิเศษให้แก่ผู้เข้าร่วมงาน

ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ในวันพุธ ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 12.30 – 17.00 น. ณ โรงเเรมเจ้าพระยาปาร์ค รัชดา ห้องเจ้าพระยาบอลรูม

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
ฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น
ธนาภรณ์ ประดับพลอย (รุ้ง)  โทร 02-693-1222 ต่อ 369

003

004

005

Huawei Agile Internet of Things เปลี่ยนรูปแบบการผลิตและบริการยุคใหม่

กว่าสามศตวรรษที่ผ่านมา การปฏิวัติอุตสาหกรรม 3 ครั้งได้เปลี่ยนธุรกิจและสังคมจากการผลิตด้วยมือสู่การใช้เครื่องจักรกลเป็นครั้งแรก จากนั้นไปสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ และสายพานการผลิต จนกระทั่งมาถึงยุคของเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือไอทีในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ที่กำลังเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้จะถูกกำหนดโดยการผลิตด้วยระบบดิจิตอลและเครือข่ายที่ถูกผสมผสานเข้ากับเครื่องจักรกลที่สามารถดูแลจัดการตัวเองได้ โดยมีเทคโนโลยีด้าน IoT (Internet of Thaings) และ AI (Artificial Intelligence) เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อน

001หากกล่าวถึง IoT ในปัจจุบันธุรกิจทั่วโลกเริ่มมีการนำเอา IoT ไปประยุกต์ใช้ในแง่มุมต่างๆ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ต่างก็ได้ประกาศการริเริ่มด้าน IoT ของชาติ ซึ่งสนับสนุนให้มีการนำ IoT ไปประยุกต์ใช้งานในภาคส่วนต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในด้านพลังงาน การก่อสร้าง และการอุตสาหกรรมการผลิต

Agile IoT โซลูชั่นระบบเปิดพร้อมปรับใช้กับทุกอุตสาหกรรม
ในฐานะหนึ่งในผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมไอซีที หัวเว่ยได้พัฒนาโซลูชั่น Agile IoT ที่เป็นระบบแบบเปิดมีความยืดหยุ่นสูง และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับอุตสาหกรรมต่างๆ ได้ง่าย ตัวอย่างเช่น ในอุตสาหกรรมพลังงานมีการนำเอาโซลูชั่นทางด้าน IoT ไปประยุกต์ใช้กับการสร้างระบบสมาร์ทกริดด้านพลังงานไฟฟ้าที่ทันสมัย ซึ่งได้รวมเอาเซ็นเซอร์ขั้นสูง เครื่องมือวัด เครือข่ายโทรคมนาคม และเทคโนโลยีการควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์เข้าไว้ในโครงสร้างพื้นฐานของโรงไฟฟ้า เสาส่งไฟฟ้า ส่วนหม้อแปลง และอุปกรณ์จ่ายไฟต่างๆ  เพื่อให้มั่นใจว่าสมาร์ทกริดสามารถจ่ายไฟได้อย่างต่อเนื่อง มีเสถียรภาพและสามารถทำงานในสภาพแวดล้อมต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

004ในอุตสาหกรรมการก่อสร้างที่ปัจจุบันรัฐบาลและอุตสาหกรรมทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับอาคารที่สามารถจัดการพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งโซลูชั่นระบบจัดการการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพในอาคาร หรือ BEMS (Building Energy-Efficiency Management System) นั้นหัวเว่ยใช้เทคโนโลยี IoT เพื่อรวมศูนย์การจัดการตรวจสอบ และควบคุมทุกระบบในอาคาร รวมทั้งระบบจ่ายไฟ เครื่องปรับอากาศ และเครื่องทำความร้อน ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

ขณะที่ในภาคอุตสหกรรมการผลิตในบางประเทศก็เริ่มมีการสนับสนุนให้องค์กรต่างๆ ริเริ่มการติดตั้งอินเทอร์เน็ตของเครื่องจักร หรือ IoM (Internet of Machines) เข้ากับเครือข่ายของเครื่องมือสำหรับควบคุมเครื่องจักร หรือ CNC (Computer Numerical Control) ที่มีความจำเป็นในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ เหล็ก วัสดุก่อสร้าง เครื่องจักรกล และอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเครือข่าย CNC ที่ทำงานร่วมกับ IoM จะทำให้สามารถเชื่อมโยงอุปกรณ์ที่จำเป็นทั้งหมดรวมทั้งเครื่องจักรกลและเครนไฮโดรลิกสำหรับจัดการทุกขั้นตอนการผลิตแบบรวมศูนย์ ทำให้การผลิตมีความคล่องตัวเพิ่มมากขึ้น

โซลูชั่น Agile IoT ช่วยให้องค์กรใช้ประโยชน์จาก IoT ได้อย่างเต็มที่ นอกจากการเปิดตัวสถาปัตยกรรม Agile ช่วยให้องค์กรใช้ประโยชน์จากโอกาสใหม่ๆ ในยุคอินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (IoT) ได้อย่างเต็มที่แล้วยังได้แนะนำ Agile Internet of Things (IoT) ซึ่งเป็นโซลูชั่นที่ทำให้องค์กรสามารถสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน IoT ที่คล่องตัวและทำให้การเปลี่ยนกระบวนการทำงานในส่วนต่างๆ เช่น การออกแบบ การผลิต และการขนส่งสู่ระบบดิจิตอลกลายเป็นจริงได้ง่ายขึ้น

หัวเว่ยคาดการณ์ว่าในปี 2025 จะมีการเชื่อมต่อรวมทั้งสิ้นหนึ่งแสนล้านการเชื่อมต่อเกิดขึ้นทั่วโลกและจะมีการติดตั้งใช้งานเซ็นเซอร์ใหม่ๆ สองล้านตัวทุกชั่วโมง ซึ่งจะส่งผลให้ระบบเครือข่ายไม่สามารถรองรับการเชื่อมต่อดังกล่าวได้ เพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ รับมือกับความท้าทายที่จะเกิดขึ้นจากการใช้งานอุปกรณ์ IoT จำนวนมหาศาลในอนาคตอันใกล้ หัวเว่ยได้เปิดตัว Agile Network พร้อมทั้งแนะนำโซลูชั่น Agile IoT ซึ่งประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก ได้แก่
– Agile IoT gateway
– Agile Controller
– LiteOS

1. LiteOS ระบบปฏิบัติการ IoT
LiteOS เป็นระบบปฏิบัติการ IoT แบบโอเพ่นซอร์สที่มีขนาดเล็กเพียง 10 กิโลไบต์ ซึ่งเมื่อเทียบกับระบบปฏิบัติการ IoT อื่นๆ LiteOS ยังมีขนาดเล็กกว่าถึง 3 เท่า และใช้พลังงานน้อยกว่าถึง 4 เท่า ในขณะที่มีความเร็วในการตอบสนองเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20

003LiteOS ประกอบด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น อาทิ รองรับการใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องมีการตั้งค่า ระบบค้นหากันโดยอัตโนมัติ (auto-discovery)  และเชื่อมต่อเครือข่ายโดยอัตโนมัติ (auto-networking) สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้อย่างกว้างขวางตั้งแต่สมาร์ทโฮม อุปกรณ์แบบสวมใส่ ยานพาหนะรวมไปถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ

LiteOS ช่วยลดความซับซ้อนการพัฒนาของสมาร์ทฮาร์ดแวร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อ IoT นอกจากนี้ LiteOS ยังเป็นระบบแบบโอเพ่นซอร์สที่ให้แพลตฟอร์มในการพัฒนาแบบครบวงจรซึ่งช่วยส่งเสริมการพัฒนาระบบ IoT ให้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย โดยนักพัฒนาสามารถดาวน์โหลดรหัสโปรแกรมจากชุมชนโอเพ่นซอร์สมาพัฒนาต่อยอดเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ IoT ของตนเองได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ

LiteOS ถูกสร้างขึ้นบน OpenDayLight (ODL) เป็นแพลตฟอร์มลินุกซ์แบบเปิดเผยซอร์สทำงานอยู่บนเซ็นเซอร์ที่มีความแตกต่างกัน นอกจากนี้ ODL ยังมีความยืดหยุ่นในการทำงานร่วมกับแอพพลิเคชั่นที่หลากหลาย สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงบริการและรูปแบบธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงมีความสามารถในการจัดการอุปกรณ์หลายล้านตัวได้

2. Agile IoT Gateways
Agile IoT Gateways เป็นอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างสะพานเชื่อมเซ็นเซอร์เข้ากับเครือข่ายไอพี โดยมีคุณสมบัติสำคัญดังต่อไปนี้
– ผลิตภัณฑ์ Access Router Series IoT Gateway ของหัวเว่ยสามารถรองรับการเชื่อมต่อกับ IoT สูงถึง 17 ประเภท และทำงานเข้ากันได้กับโปรโตคอลที่จำเป็น โดยรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ IoT กว่า 17 แบบ ไม่ว่าจะเป็น RF, ZigBee, Bluetooth, RS485, RS232, DI และ DO
– Agile IoT Gateway ของหัวเว่ยรองรับการประมวลผลบนตัวเครื่อง และการตัดสินใจโดยการรวมทรัพยากรด้านการประมวลผล และการจัดเก็บข้อมูลเข้าด้วยกัน
– ด้วยการออกแบบให้อยู่ในระดับเดียวกับผลิตภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรม (Industrial-grade) Agile IoT Gateway จึงสามารถป้องกันน้ำ ฝุ่น และทนต่อการกระแทก รวมถึงสามารถป้องกันการรบกวนของแม่เหล็กไฟฟ้า ทำงานภายใต้ช่วงอุณหภูมิที่มีความแตกต่างกันสูง เพื่อตอบสนองความต้องการในการนำไปใช้งานในสถานการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

0053. Agile Controller
Agile Controller ของหัวเว่ยเป็นแพลตฟอร์ม IoT ที่สามารถบริหารจัดการเทอร์มินอลของ IoT Gateway ทรัพยากรด้านการประมวลผล(Computing resources) แอพพลิเคชั่น และข้อมูลได้แบบครบวงจร นอกจากนี้ยังสามารถปรับขยายระบบได้อย่างราบรื่น เพื่อสนับสนุนการจัดการและการควบคุมเทอร์มินอลของ IoT ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างดี  และยิ่งไปกว่านั้น Agile Controller ถูกสร้างขึ้นมาบนสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์แบบเปิดให้เข้าถึงแอพพลิเคชั่นทางอุตสาหกรรมต่างๆ ได้หลากหลาย

Agile IoT ในโลกของความเป็นจริง
สิ่งที่กล่าวมาข้างต้น ไม่ได้เป็นเพียงแนวคิดต้นแบบ เพื่อการวิจัยและพัฒนาเท่านั้น หากแต่เป็นโซลูชั่นที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้งานได้ในโลกแห่งความเป็นจริง และเข้ากันได้กับทุกอุตสาหกรรม

ปัจจุบันโซลูชั่น Agile IoT ของหัวเว่ยได้ถูกนำไปติดตั้งใช้งานในหลายๆ ส่วนไม่ว่าจะเป็นในอาคาร มิเตอร์ไฟฟ้า เครื่องใช้ภายในบ้าน ระบบโครงข่ายจ่ายไฟฟ้า ฯลฯ หัวเว่ยกำลังก้าวไปข้างหน้า โดยจะทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อส่งเสริมให้เกิดการเปิดและสร้างการเติบโตให้กับระบบนิเวศของ IoT ซึ่งในที่สุดแล้วจะก่อให้เกิดโลกที่เชื่อมต่อถึงกันได้ดียิ่งขึ้น

ไม่เพียงมุ่งเน้นด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นด้านโครงสร้างพื้นฐาน IoT เท่านั้น แต่หัวเว่ยยังร่วมมือกับพันธมิตรตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำเพื่อสร้างระบบนิเวศ IoT ที่เอื้อต่อการพัฒนาแอพพลิเคชั่นทางอุตสาหกรรมซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางที่หัวเว่ยใช้ในการพัฒนาและจัดหาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีทีเพื่อการขับเคลื่อนธุรกิจ ( Business Driven ICT Infrastructure : BDII)  โดยการให้ความร่วมมือทางธุรกิอย่างใกล้ชิดและความพยายามในการสร้างนวัตกรรมร่วมกันระหว่างหัวเว่ยกับคู่ค้าที่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการเป็นพันธมิตรทางอุตสาหกรรม การทำงานร่วมกับองค์กรมาตรฐานทางด้าน IoT ต่างๆ และการตั้งศูนย์วิจัยนวัตกรรม ห้องปฏิบัติการแบบเปิด (Open Lab) และชุมชนด้านการพัฒนาเพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาของอุตสาหกรรม

หัวเว่ยได้เข้าไปมีส่วนในความร่วมมือทางเทคโนโลยีด้าน IoT กับพันธมิตรทางอุตสาหกรรมทั่วโลกเป็นจำนวนมาก และมีการพัฒนาชุดของโซลูชั่นด้าน IoT ที่สามารถนำไปใช้กับอาคาร มิเตอร์ไฟฟ้า ยานพาหนะ โรงยิม โรงงาน ร้านค้าปลีก และไฟถนน ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางในการจัดหา BDII หัวเว่ยจะยังคงทำงานร่วมกับพันธมิตรมากขึ้นเพื่อเปิดตัวโซลูชั่นใหม่ๆ สำหรับอุตสาหกรรมในแนวลึกต่างๆ ที่ทำงานอยู่บนสถาปัตยกรรม Agile Network เพิ่มมากขึ้น

นอกจากโซลูชั่น Agile IoT แล้ว หัวเว่ยยังดำเนินการตามแนวทางในการจัดหา BDII ด้วยการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับศูนย์ข้อมูลเครือข่ายไร้สายสำหรับองค์กร Wide Area Network (WAN) และระบบรักษาความปลอดภัยเครือข่ายเป็นจำนวนมาก โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้ประกอบด้วยสวิตช์ดาต้าเซ็นเตอร์ 100T, Wi-Fi and LTE Integration Access Agile Mobile Solution, เราเตอร์ที่มีทรูพุตสูงพร้อมทั้งมีประสิทธิภาพในการส่งผ่านข้อมูลเพิ่มขึ้น และโซลูชั่นด้านการรักษาความปลอดภัยแบบเบ็ดเสร็จ “Device, Network, Cloud”

Huawei Enterprise Business ; Marketing Contact Center
Mobile 095-878-7475  e-mail : Th_enterprise@huawei.com
Follow us on :  www.twitter.com/huaweiENT
www.facebook.com/HuaweiEnterpriseThailand
Website : e.huawei.com

 

Smart Car มีเยอะแล้ว ขอ Smart Scooter บ้างแล้วกัน

ในบรรดาข่าวการพัฒนาระบบอัจฉริยะเพื่อใช้งานในอุตสาหกรรมรถยนต์ รถประเภทหนึ่งที่เรามักไม่ค่อยเห็นปรากฏในพื้นที่ข่าวเลยคงหนีไม่พ้นรถจักรยานยนต์ แต่อาจไม่ใช่สำหรับยุคนี้ เพราะบริษัทเทคโนโลยีจากไต้หวันได้พัฒนาหน้าจอ Dashboard อัจฉริยะสำหรับรถจักรยานยนต์ขึ้นมาแล้ว โดยสามารถแจ้งข้อมูลสภาพอากาศ ข่าวสารสำคัญ ไปจนถึงเปลี่ยนภาพหน้าจอให้เป็นภาพครอบครัวหรือคนรักลงบน Dashboard ได้

003

แทนที่จะเป็นมาตรวัดความเร็วแบบรถจักรยานยนต์ทั่วไป รถจักรยานนต์ Noodoe จากค่าย Kymco ได้เปลี่ยนเข็มหน้าปัดให้กลายเป็นหน้าจอ Dashboard อัจฉริยะ ที่สามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ในการขับขี่ได้อย่างดี โดยหน้าจอดังกล่าวนี้พร้อมจะทำงานได้หลากหลายประการ ทั้งแจ้งเตือนสายเข้า แจ้งเตือนนัดหมาย แจ้งเตือนสภาพอากาศ แจ้งข่าวจากสำนักข่าวที่ตั้งเอาไว้ การหาปั๊มน้ำมันในละแวกนั้น รวมถึงบอกได้ว่าเราจะไปทันตามเวลานัดหรือไม่ ซึ่งจะมีสวิทช์บริเวณแฮนด์จับเพื่อเปลี่ยนหน้าจอจากการแสดงผลปกติไปสู่หน้าจอเพื่อบอกข้อมูลสำคัญๆ

OLYMPUS DIGITAL CAMERA

นอกจากนั้น หากจอดเอาไว้ในลานจอดรถแล้วลืมว่าจอดไว้ตรงไหน แอปพลิเคชันที่มากับตัวรถก็สามารถช่วยหารถและส่งสัญญาณให้ผู้เป็นเจ้าของทราบด้วย

ความไม่สะดวกในการใช้งานอาจพอมีอยู่บ้าง นั่นก็คือผู้ขับต้องมองลงมาที่จอ Dashboard จึงจะได้ทราบข้อมูล แต่ก็ถือเป็นการพัฒนาอีกขั้นหนึ่งของรถจักรยานยนต์ที่ไม่ค่อยพบได้บ่อยนัก

ที่มา https://www.engadget.com

ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.kymco.com/noodoe/

NIFTYX เปลี่ยนเพาเวอร์แบงค์ให้กลายเป็นสร้อยข้อมือสุดเท่ห์

แนวคิดเก๋ๆ ของการเปลี่ยนเพาเวอร์แบงค์ให้กลายเป็นเครื่องประดับสุดเก๋ เพราะปัจจุบันต้องยอมรับว่าเพาเวอร์แบงค์กลายเป็นหนึ่งในอุปกรณ์จำเป็นที่หลายคนต้องมีติดตัว สำหรับชาร์จพลังให้กับสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์โมบายต่างๆ

NIFTYX-Wearable-Power-Bank-5

NIFTYX-Wearable-Power-Bank-2

แต่แทนที่จะเป็นอุปกณ์ที่เก็บอยู่ในกระเป๋า Tech Startup อย่าง NIFTYX จึงฝุดไอเดียเปลี่ยนเพาวเวอร์แบงค์ให้กลายเป็นสร้อยข้อมือหนังสุดเท่ห์ ที่สามารถสวมใส่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง มีให้เลือกหลากสีหลายไสตล์ตามแต่ความชื่นชอบ แถมตัวสายสร้อยยังทำให้ที่เป็นสายชาร์จ USB ในตัวอีกด้วย นอกจากเท่ห์แล้วยังใช้ประโยชน์ได้เป็นอย่างดี

NIFTYX-Wearable-Power-Bank-6

แม้ NIFTYX จะมีขนาดเล็กและให้กำลังไฟไม่มากนัก แต่ก็เพียงพอสำหรับการชาร์จพลังงานในยามฉุกเฉิน ช่วยให้เราสามารถคุยโทรศัพท์ได้นานขึ้น 50 นาที หรือออนไลน์ได้นานขึ้น 40 นาที หรือฟังเพลงได้นานขึ้นถึง 150 นาทีทีเดียว เรียกว่ายามแบตหมด เพาเวอร์แบงค์เล็กแค่ไหนก็มีค่าจริงไหมครับ

ราคาประมาณ 350 บาท

สั่งจองได้ที่ https://www.indiegogo.com/projects/niftyx-the-wearable-charging-cable-with-powerbank#/

Moonlite เปลี่ยนสมาร์ทโฟนเป็นโปรเจ็กเตอร์ ช่วยเล่านิทานก่อนนอนสำหรับเด็ก

สำหรับท่านผู้อ่านหลาย ๆ คนที่มีลูกเล็ก สิ่งที่น่าสนุกในยามค่ำคืนก็คงหนีไม่พ้นการเล่านิทานก่อนนอน เพราะเด็ก ๆ จะเข้ามาล้อมวงตาแป๋วรอฟังนิทาน ซึ่งในวันนี้ นอกจากเสียงเล่าจากพ่อแม่แล้ว การมีตัวช่วยเป็นโปรเจ็คเตอร์ตัวจิ๋วที่ติดเข้ากับสมาร์ทโฟน และสามารถฉายภาพเรื่องราวขึ้นบนกำแพง  ก็สามารถทำให้ประสบการณ์การฟังนิทานก่อนนอนของลูกงดงามยิ่งขึ้นเช่นกัน

001

ด้วยอุปกรณ์ขนาดเล็กที่มีชื่อว่า Moonlite ซึ่งสามารถติดเข้ากับสมาร์ทโฟน เพื่อเปลี่ยนสมาร์ทโฟนให้เป็นโปรเจ็กเตอร์ขนาดจิ๋ว โดยใช้แสงจากไฟแฟลช LED ของสมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ฉายภาพ คุณพ่อคุณแม่สามารถใช้สไลด์วงกลมที่มีให้ใส่ลงในเครื่องฉายขนาดจิ๋ว และเมื่อถึงเวลาเข้านอนก็เริ่มเล่าจากภาพต่าง ๆ ที่สามารถสไลด์ได้เพียงปลายนิ้ว

002

ส่วนเนื้อเรื่องของนิทานที่คุณพ่อคุณแม่เล่านั้นก็จะปรากฏขึ้นบนหน้าจอของสมาร์ทโฟน เพื่อให้สามารถอ่านได้ง่าย และจะเลื่อนไปเรื่อย ๆ เมื่อคุณพ่อคุณแม่เลื่อนสไลด์จากหน้าหนึ่งไปอีกหน้าหนึ่งด้วย

003

นอกจากนี้ แถมแอปพลิเคชันที่มาด้วยกันยังมีเอฟเฟ็กต์เพิ่มเติมให้ด้วย เช่น เสียงเพลงเพราะ ๆ ให้เปิดสร้างบรรยากาศ ส่วนแสงที่ใช้ในการฉายภาพก็มาจากแฟลชของสมาร์ทโฟน ซึ่งไม่แรงมากจนรบกวนการนอนของเด็ก

ข้อมูลเพิ่มเติม : https://www.moonlite.world

You may have missed