04/27/2024

Month: October 2016

เอ็นทีที คอม รุกตลาดศูนย์ข้อมูลครบวงจร เปิดบริการคลาวด์ ผนวกเอ็นทีที ซีเคียวริตี้ จัดระบบรักษาความปลอดภัยองค์กร

เอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์ คอร์ปอเรชั่น (เอ็นทีที คอม) บริษัทไอซีทีโซลูชั่นและโทรคมนาคมในเครือเอ็นทีที กรุ๊ป (NYSE: NTT) ผู้นำการให้บริการศูนย์ข้อมูล (Data Center) โดย Bangkok 2 Data Center ที่สุดของความสมบูรณ์แบบแห่งนวัตกรรม “ศูนย์ข้อมูล” ภายใต้ชื่อ “NexcenterTM” ครบครันด้วยบริการ สิ่งอำนวยความสะดวก และจำนวนตู้แรคมากถึง 1,400 ตู้ บนพื้นที่อาคารขนาด 10,000 ตารางเมตร การันตีระบบการจ่ายไฟฟ้า 100% ขับเคลื่อนภายใต้มาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุด พร้อมให้บริการเก็บรักษาข้อมูลสำคัญแก่สถาบันการเงิน และองค์กรธุรกิจต่างๆ เพื่อยกระดับธุรกิจให้เข้าสู่ยุคดิจิตอลเต็มรูปแบบ พร้อมเดินหน้าให้บริการแบบครบวงจร โดยให้บริการด้านคลาวด์ และการบริหารจัดการระบบรักษาความปลอดภัยในระดับองค์กร มาตั้งแต่ปี 2556 ภายใต้การดูแลของ เอ็นทีทีคอมมิวนิเคชั่นส์ และ เอ็นทีที ซีเคียวริตี้ เพื่อรองรับการจัดระบบโครงสร้างไอซีทีแบบดั้งเดิมไปสู่คลาวด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ntt-8

นายมานาบุ คาฮาระ ประธานบริษัท เอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เอ็นทีที คอม ในฐานะผู้นำการให้บริการศูนย์ข้อมูล(Data Center) ซึ่งหลังจากที่ได้เปิดให้บริการ Thailand Bangkok 2 Data Center เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้วนั้น ได้รับผลตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และยิ่งเพิ่มความมั่นใจอีกระดับเพื่อให้ลูกค้าได้ดำเนินธุรกิจได้อย่างครบวงจร โดย เอ็นทีที คอม ได้ให้บริการคลาวด์ (Enterprise Cloud) เพื่อตอบสนองความต้องการในระบบไอซีที ที่ซับซ้อนมากขึ้น และรองรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่ระบบดิจิตอล และสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในธุรกิจได้หลากหลาย รองรับการเติบโตในอนาคต  ซึ่งความท้าทายของกลุ่มธุรกิจและองค์กรเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า เมื่อต้องการมองหาผู้ให้บริการที่สามารถโยกย้ายระบบไอซีทีในระบบเดิมไปไว้บนคลาวด์ และต้องคำนึงถึงการเพิ่มประสิทธิภาพของต้นทุนเพื่อการใช้ประโยชน์ได้สูงสุด ในขณะเดียวกันยังมีปัจจัยหนุนในเรื่องของการใช้อุปกรณ์สมาร์ทโฟน, โซเชียลมีเดีย, บิ๊ก ดาต้า, loT และเทคโนโลยีดิจิตอลอื่นๆ ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัวและหันมาใช้แอพพลิเคชั่นบนคลาวด์กันมากขึ้นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา

ntt-180

“เอ็นทีที คอม ได้พัฒนาการให้บริการด้าน Enterprise Cloud เพื่อตอบสนองความท้าทายเหล่านี้ โดยการนำเสนอแพลทฟอร์มที่ครอบคลุมทั้งระบบไอซีทีแบบดั้งเดิมและบนคลาวด์ รวมถึงการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย บริการให้เช่าพื้นที่วางเซิร์ฟเวอร์ (Colocation) ผ่านศูนย์ข้อมูล Bangkok 1 และ Bangkok 2 Data Center ซึ่งตั้งอยู่ในไทย 2 แห่ง และบริการคลาวด์ โดยเราจะให้ข้อมูลและพร้อมสนับสนุนลูกค้าให้สามารถดำเนินธุรกิจและสร้างแบบแผนธุรกิจขึ้นมาใหม่ นอกจากนี้เราได้ให้ความสำคัญเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งมีพันธมิตรที่สำคัญ คือ เอ็นทีที ซีเคียวริตี้ ที่ให้การดูแลและให้คำปรึกษาด้านความปลอดภัย ซึ่งจะมีบทบาทในการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยบนคลาวด์ขององค์กรได้อย่างครบวงจร และเหมาะสมกับขนาดของธุรกิจ” นายมานาบุ คาฮาระกล่าว

นายศานิต เกษมสันต์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์และบริการ บริษัท เอ็นทีที คอมมิวนิเคชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า กลุ่มลูกค้าในไทยที่ใช้บริการ Enterprise Cloud มาจากหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น  สถาบันการเงิน, สายการบิน, ภาคการผลิต (Manufacturing) ผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นต้น ซึ่งการให้บริการ Enterprise Cloud ประกอบด้วย 4 คุณสมบัติพิเศษ ได้แก่

1. Flexible resource building ระบบการการสร้างและขยายระบบ แบบยืดหยุ่น

2. Flexible Service Management ระบบบริหารจัดการแบบยืดหยุ่น

3. Global Solutions ระบบที่มีการเชื่อมต่อและครอบคลุมในทุกทวีปทั่วโลก

4. Advanced ICT outsourcing ระบบการให้บริการขั้นสูงด้าน ICT Outsourcing

โดย เอ็นทีที คอม เป็นผู้ให้บริการรายเดียวที่การันตีระบบความพร้อมในการใช้งานโดยรวมที่สมบูรณ์แบบ (SLA) 99.99% พร้อมตัวเลือกการรักษาความปลอดภัยบนเครือข่ายที่หลากหลาย เช่น อีเมล์ เว็บ และแอพพลิเคชั่น

นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างสถานที่ทั่วโลก เช่น สำรองข้อมูลในญี่ปุ่นและต่างประเทศ สามารถลดระยะเวลาการสำรองข้อมูลด้วยการเพิ่มแบนด์วิดธ์ การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการค่าใช้จ่ายผ่านการเชื่อมโยงข้อมูล คำนวณและจัดสรรทรัพยากรการใช้พื้นที่บนคลาวด์ การสำรองข้อมูลเครือข่าย จัดเก็บข้อมูลภายนอก ควบคุมความปลอดภัยในการใช้ข้อมูล แสดงสถิติการใช้งาน บริการการตรวจสอบสถานะ เช่น  VMs / vFirewall / vLoad Balancer โดยทำการตรวจสอบขั้นพื้นฐานตลอด 24 ชั่วโมง/365 วัน

ทั้งนี้ แพลทฟอร์มดังกล่าวถูกนำไปใช้ 14 แห่ง ใน 11 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, สเปน,  จีน (ฮ่องกง), ออสเตรเลีย, สิงคโปร์, มาเลย์เซีย และไทย โดยการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบปิด (IP -VPN) ครอบคลุม 196 ประเทศทั่วโลก เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงระบบคลาวด์ นอกจากนี้ เอ็นทีที คอม ได้รับความไว้วางใจและถูกจัดอันดับให้อยู่ในกลุ่มผู้นำของผู้ให้บริการโครงข่ายระดับโลก  จากรายงาน “Magic Quadrant for Network Services, Global” (Magic Quadrant*) ซึ่งเผยแพร่โดย การ์ทเนอร์ อิงค์ ในเดือนมกราคม 2559 ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 โดยได้รับการประเมินว่ามีความครบถ้วนสมบูรณ์ในแง่ของวิสัยทัศน์และความสามารถในการดำเนินการ

ด้านนายเรย์มอนด์ เตียว รองกรรมการผู้อำนวยการอาวุโสส่วนการดำเนินงานในเอเชียแปซิฟิก บริษัท เอ็นทีที ซีเคียวริตี้ กล่าวว่า บริษัท เอ็นทีที ซีเคียวริตี้ ก่อตั้งขึ้นเพื่อให้บริการด้านบริหารจัดการความปลอดภัยในระดับมืออาชีพ MSS (Managed Security Services: MSS) ภายใต้เครือเอ็นทีที กรุ๊ป โดยได้ผนวกรวมเทคโนโลยีการวิเคราะห์ภัยคุกคามขั้นสูง และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย เพื่บอให้บริการ MSS  ด้วยโซลูชั่นที่พัฒนาขึ้นเพื่อการดูแลระบบรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจร (Full Security Life Cycle) บริการเหล่านี้จะถูกนำไปใช้ทั่วโลก ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยเต็มรูปแบบอย่างครบวงจรให้กับองค์กร รวมถึงให้คำปรึกษาการจัดการร่วมกับบริการอื่นๆ เช่น บริการศูนย์ข้อมูล, คลาวด์, บริการไฮบริด เป็นต้น

ซึ่งจากรายงานสถิติด้านความปลอดภัย (Global Threat Intelligence Report : GTIR) ของเอ็นทีที ซีเคียวริตี้ จากลูกค้ากว่า 10,000 ราย ใน 6 ทวีป ตรวจพบว่าในแต่ละปีจะมีการโจมตีและการป้องกันถึง 6.2 พันล้านครั้งโดยเฉลี่ย ในขณะที่มีบันทึกการวิเคราะห์การโจมตีกว่า 3.5 ล้านล้านรายการ เป็นประจำทุกปี

“ความปลอดภัยเป็นการเตรียมความพร้อมเบื่องต้นสำหรับองค์กรเพื่อก้าวเข้าสู่ระบบคราวด์” นายเรย์มอนด์ กล่าว “เราเชื่อมั่นว่าแพลทฟอร์มด้านความปลอดภัยขั้นสูงของเราสามารถส่งมอบบริการได้อย่างเป็นหนึ่งเดียวกับระบบเครือข่ายโดยทำให้ระบบคราวด์สำหรับองค์กรของลูกค้ามีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการทำงานสูง และยังรับรองความเชื่อมั่นในความปลอดภัยที่ทำให้สามารถใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด” นายเรย์มอนด์ กล่าว

ดีแทคขยายสัญญาณมือถือและ WiFi รอบสนามหลวง-พระบรมมหาราชวัง พร้อมจัดทีมบริการประชาชน

ดีแทคทั้งผู้บริหารและพนักงานร่วมใจทำหน้าที่รองรับประชาชนด้วยการอำนวยความสะดวกโครงข่ายการใช้งานมือถือ มุ่งสู่บริการผู้ใช้งานที่มีจำนวนสูงสุดครั้งประวัติศาสตร์ ขยายสัญญาณรอบสนามหลวงและพระบรมมหาราชวัง พร้อมให้บริการประชาชนที่จะเดินทางมา 29 ตุลาคม เป็นต้นไป

dtacbc4i8418 dtacbc4i8383

นายลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค เปิดเผยว่า “ผู้บริหารและพนักงานดีแทคทุกคนพร้อมใจกันทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถเพื่อให้บริการกับประชาชนที่เดินทางสู่สนามหลวงและพระบรมมหาราชวังอย่างเต็มที่ โดยดีแทคจัดเตรียมความพร้อมโครงข่ายสัญญาณมือถือและ WiFi ในระดับความพร้อมสูงสุดเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่เดินทางมาบริเวณพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2559  ซึ่งคาดว่าจะมีประชาชนเดินทางมาอย่างหนาแน่น โดยผู้บริหารและพนักงานดีแทคได้มุ่งมั่นทำหน้าที่ของตนเองด้วยใจเพื่อผู้ใช้งานทุกคน”

ที่ผ่านมาในวันที่ 22 ตุลาคม ดีแทคได้ทำหน้าที่ผู้ให้บริการมือถืออย่างเต็มที่ด้วยการให้บริการสัญญาณอย่างมีคุณภาพทุกการใช้งานรองรับประชาชนที่มากันอย่างล้นหลาม จากข้อมูล กอ.รมน. ประเมินคาดว่าจำนวนประชาชนที่เดินทางมาร่วมร้องเพลงสรรเสริญที่สนามหลวงมากถึง 177,000 คน นอกจากนั้นบางข้อมูลยังระบุว่ามีคนมาร่วมงานที่สนามหลวงถึงประมาณ 300,000 คน

dtacbc4i8144

นายประเทศ ตันกุรานันท์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเทคโนโลยี บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “จากรายงานพบว่ายอดผู้ใช้งานดาต้าของดีแทคเพิ่มมากถึง 300% เมื่อเทียบกับช่วงปกติ และมีการใช้งานสูงสุดช่วงเวลา 12.00-14.00 น. ในวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งดีแทคได้มีการเตรียมพร้อมรองรับอย่างเต็มที่ จึงทำให้ผู้ใช้บริการสามารถใช้งานได้อย่างมีคุณภาพทุกบริการ ถึงแม้จะอยู่ในพื้นที่หนาแน่นจากประชาชนจำนวนมาก ดีแทคได้มีการวางแผนจัดรถโมบายล์ 4 คัน พร้อมเพิ่มสมอลเซลล์ขยายสัญญาณอีกมากกว่า 40 แห่ง เน้นการใช้งานเส้นทางสนามหลวงฝั่งบริเวณกิจกรรม และพระบรมมหาราชวัง อีกทั้งยังจัดทีมดูแลโครงข่ายต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง”

img_7125 dtac_p2a9544

นอกจากสัญญาณมือถือที่เพิ่มขึ้นแล้ว ดีแทคยังจัดฟรี WiFi ให้บริการโดยรอบบริเวณสนามหลวงและบริเวณพระบรมมหาราชวัง ด้วยจำนวนทั้งหมดมากกว่า 70 จุด แบ่งเป็น สนามหลวงฝั่งบริเวณกิจกรรม 44 จุด  และ บริเวณพระบรมมหาราชวัง 26 จุด ครอบคลุมพื้นที่ด้วยสปีดความเร็วสูง โดยเปิดให้บริการตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม พ.ศ. 2560  ทั้งลูกค้าดีแทคและผู้ใช้งานทุกเครือข่ายไม่จำกัดค่ายสามารถใช้บริการได้ฟรี

ทั้งนี้ ดีแทคยังได้จัด “จุดบริการประชาชนและการสื่อสารจากดีแทค” เพื่ออำนวยความสะดวกสำหรับประชาชนที่เดินทางมาบริเวณท้องสนามหลวง ทุกท่านสามารถมารับสิ่งของอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น น้ำดื่ม อาหารว่าง รวมทั้งใช้บริการสถานีชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ ใช้โทรศัพท์มือถือฟรีกรณีฉุกเฉิน หรือใช้บริการรถสุขาวีไอพีเคลื่อนที่

นอกจากนี้ ดีแทคยังจัดให้มีบริการรับ-ส่งด้วยจักรยานยนต์จากทีมสกูตาร์ มาคอยรับ-ส่งผู้ประชาชนไปยังพื้นใกล้เคียงโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่ออำนวยความสะดวกเป็นพิเศษในช่วงเวลานี้

สำหรับการร่วมน้อมรำลึกและแชร์ความรู้สึกเป็นสิ่งสำคัญในช่วงเวลานี้ ลูกค้าดีแทคยังสามารถรับเน็ต 1 GB โดยไม่มีค่าใช้จ่ายจากการกด *399*89# กดโทรออก (ฟรี) โดยดีแทคได้มอบเป็นจำนวน 1 ล้านสิทธิ์ให้แก่ลูกค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

CAT เตรียมจัดพิมพ์หนังสือรวมพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส จำนวน 100,000 เล่ม แจกประชาชน เพื่อถวายความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

 

บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT ร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร โดยเตรียมจัดพิมพ์หนังสือ รวบรวมพระบรมฉายาลักษณ์ พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัส ที่ทรงได้พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทยในโอกาสต่างๆ จำนวน 100,000 เล่ม เพื่อแจกจ่ายให้ประชาชนทั่วประเทศ ผ่านสำนักงานบริการลูกค้า CAT ทั่วประเทศ และเปิดให้ดาวน์โหลดไฟล์ในรูปแบบ e-Pocket Book ได้อีกช่องทางหนึ่งด้วย

นอกจากนี้ได้ติดตั้งสัญญาณ WiFi ภายในพระบรมมหาราชวัง และให้บริการวิทยุสื่อสาร จำนวน 30 เครื่อง เพื่อใช้ในพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลพระบรมศพ
สำหรับประชาชนทั่วไป CAT ได้จัดกิจกรรมเพื่อร่วมน้อมรำลึกและแสดงความไว้อาลัย ตลอดระยะเวลา 1 ปี ประกอบด้วย
– บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงพร้อมเครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 6 เครื่อง ณ บริเวณ เต็นท์กองอำนวยการ
– บริการฟรี WiFi ในพื้นที่โดยรอบท้องสนามหลวง โดยล็อคอินที่ @ public wifi by CAT TELECOM พร้อมกรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก เบอร์โทรศัพท์ 10 หลัก และรหัส 4 หลักตามที่ปรากฏในหน้าจอ


– บริการรถบัสรับ-ส่งฟรี สำหรับประชาชนที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ที่มีความประสงค์จะถวายสักการะพระบรมศพเป็นหมู่คณะตั้งแต่ 30 คนขึ้นไป โดยสามารถแจ้งความจำนงขอใช้บริการได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ในเวลาราชการ

– แจกภาพพระบรมฉายาลักษณ์ ขนาด A3 สี่สี จำนวน 20,000  ภาพ   พัด  และสิ่งของบริการประชาชน ณ บริเวณไปรษณีย์หน้าพระลาน

– รับบริจาคเสื้อผ้าสีดำ ในโครงการ “รวมใจรัก ถวายความอาลัย แด่พ่อของแผ่นดิน” เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่ผู้ที่ขาดแคลนในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งสามารถนำมาบริจาคได้ที่ สำนักงานบริการลูกค้า CAT ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤศจิกายน 59
ผู้สนใจสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร โทร.0-2104-3298-99 และ 0-2104-3665

ซิสโกดึง Startup สู่โครงการ Co-Innovation

Cisco จับมือบริษัทสิงคโปร์อย่าง “อินโฟคอมม์ อินเวสต์เมนต์ (Infocomm Investments Pte)” จัดโครงการ the Cisco-TAG.PASS Smart Innovation Programme เฟ้นหานักพัฒนามือดีที่สามารถพัฒนาโปรเจ็คไปสู่การทำงานร่วมกันได้ โดยล่าสุดได้ทีมที่ผ่านเข้ารอบแล้วทั้งสิ้น 6 ทีม จาก 2 ประเทศคือสิงคโปร์และเกาหลีใต้

iot_shodan-100540317-primary-idge

โดยสตาร์ทอัปทั้ง 6 ทีมที่เข้ารอบได้แก่ Archisen (สิงคโปร์), gridComm (สิงคโปร์), Third Wave Power (สิงคโปร์), Namoo (เกาหลีใต้), Nexpa (เกาหลีใต้) and Pulzze Systems (เกาหลีใต้/สหรัฐอเมริกา) ซึ่งทั้ง 6 ทีมนั้นจะเข้ารับการบ่มเพาะกับผู้เชี่ยวชาญเป็นเวลา 20 สัปดาห์ และในวัน Demo Day จะมีโอกาสได้พบกับนักลงทุน พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานรัฐบาลด้วย

แต่สิ่งที่พิเศษมากไปกว่านั้นก็คือ นอกจากทีมที่เข้ารอบจะต้องพัฒนาโซลูชันของตัวเองแล้ว ทั้งหมดยังต้องร่วมกันพัฒนาโซลูชันด้าน IoT (Internet of Things) ด้วย ซึ่งอาจเป็นแอปพลิเคชันด้านเกษตรกรรม ลานจอดรถอัจฉริยะ หรือไฟถนนอัจฉริยะ โดยความร่วมมือกันดังกล่าวนี้จะนำไปสู่เป้าหมายใหญ่อีกเป้าหมายหนึ่งนั่นคือการนำสิงคโปร์ไปสู่การเป็น Smart Nation ด้วยนั่นเอง

สำหรับผลงานสุดท้ายจะถูกนำไปทดสอบที่ Innovate@Park ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการของซิสโกในเกาหลีใต้เพื่อวัดประสิทธิภาพการทำงานในสภาพแวดล้อมจริง

Alex Lin ผู้บริหารจาก IIPL เผยว่า ตนรู้สึกภูมิใจที่ทีมจากสิงคโปร์ผ่านเข้ารอบในโครงการดังกล่าวถึง 3 ทีมด้วยกัน และการนำโปรเจ็คไปรวมกับโปรเจ็คของทีมอื่น ๆ นั้นถือเป็นแนวคิดที่ดีที่ช่วยเพิ่มความตระหนักในศักยภาพที่แท้จริงของโซลูชันให้กับนักพัฒนาก่อนจะส่งมอบให้กับผู้ใช้งานปลายทางด้วย

Singapore Cyber Conquest Championship ชูสิงคโปร์เป็นผู้นำด้านซีเคียวริตี้ระดับโลก

การแข่งขัน The Singapore Cyber Conquest Championship เป็นเวทีเฟ้นหาเด็กเก่งด้านไซเบอร์ของสิงคโปร์ โดยประกอบด้วยโจทย์ในหลากหลายสาขา ทั้ง Vulnerability Assessment, Packet Analysis, Penetration Testing, System Hardening, Malware Analysis, Digital Forensics และ Incident Response โดยเป็นการแข่งขันซึ่งจัดขึ้นโดย SANS NetWars การแข่งขันนี้เป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมของ Singapore International Cyber Week ที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากนักศึกษาสิงคโปร์ด้วย

winning_team_-_cropped

โดยทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันต้องผ่านด่านหฤโหด ทั้งการเจาะระบบคอมพิวเตอร์ การแก้ปัญหาทางคอมพิวเตอร์ ฯลฯ ซึ่งทีมที่ชนะเลิศได้แก่ทีมของ Yeo Quan Yang และ Jeremy Heng Wen Ming นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (The National University of Singapore หรือ NUS) และเป็นตัวแทนของประเทศสิงคโปร์เข้าร่วมการแข่งขันระดับทัวร์นาเมนต์ของ SANS NetWars ที่วอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกาในวันที่ 15 – 16 ธันวาคมนี้ด้วย นอกจากนี้ ทั้งสองคนจะได้รับทุนอบรมด้าน CyberDefense จาก SANS ด้วย (SANS CyberDefense Initiative 2016) อีกรางวัลหนึ่ง

ส่วนทีมรองชนะเลิศได้แก่ทีมของ Kwek Ming Hong จากมหาวิทยาลัย Warwick และ Kok Kiat Han จาก Royal Holloway มหาวิทยาลัยลอนดอน โดยจะได้รับทุนอบรมด้าน Security จาก SANS เช่นกัน

สำหรับทีมในอันดับที่สาม ได้แก่ Devesh Logendran และ Josephine Tanadi จาก Ngee Ann โพลิเทคนิค โดยจะได้รับรางวัลเป็นคอร์สอบรมของ SANS แบบออนไลน์

ทั้งนี้การแข่งขันแบ่งระดับความรู้ความเชี่ยวชาญด้าน Information Security ออกเป็น 5 ระดับ โดยเริ่มตั้งแต่ผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ในวงการซีเคียวริตี้มาก่อนไปจนถึงระดับผู้เชี่ยวชาญด้านระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ได้แก่

ระดับที่ 1 สำหรับผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรม Information Security มาก่อน

ระดับที่ 2 เป็นระดับที่สามารถนำความรู้ไปใช้งาน และสร้างความแตกต่างให้กับตนเองได้เป็นอย่างดี

ระดับที่ 3 เป็นระดับที่ทักษะและความสามารถในด้าน Information Security อยู่ในระดับสูง

ระดับที่ 4 เป็นระดับที่สามารถแก้ปัญหาด้าน Information Security ที่มีความท้าทายอย่างมากได้ และเป็นระดับที่มีคนเคยให้คำนิยามไว้ว่า หากใครสำเร็จในระดับนี้ได้ ก็ควรจ้างหรือไม่ก็เลื่อนตำแหน่งให้เขาได้แล้ว

ระดับที่ 5 เป็นระดับของผู้เชี่ยวขาญที่สามารถรับมือกับการโจมตีต่าง ๆ ได้ และมักพบได้ไม่บ่อยนักในทัวร์นาเมนต์ของ SANS NetWars

hackathon

ซึ่งในจำนวนทีมทั้งหมด 27 ทีม ที่เข้าร่วมการแข่งขันในปีนี้ SANS NetWars ระบุว่า ได้ผลคะแนนเป็นที่น่าพอใจมาก โดยมีถึง 21 ทีมที่ได้คะแนนเทียบเท่าระดับ 3 ของ NetWars และมีถึง 4 ทีมที่เทียบเท่ากับ NetWars ระดับ 4

Pieter Danhieux ผู้ดำเนินรายการการแข่งขัน NetWars Tournament เผยว่า การจัดการแข่งขัน Singapore Conquest ในปีนี้ได้รับผลที่น่าพอใจมาก และระดับของผู้เข้าแข่งขันก็ขึ้นเทียบชั้นกับระดับโลกได้อย่างรวดเร็วมากด้วย

ด้าน Suresh Mustapha กรรมการผู้จัดการ SANS ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกซึ่งนอกจากจะแสดงความยินดีกับทีมผู้ชนะแล้ว ยังได้เผยด้วยว่า การแข่งขันครั้งนี้ได้ประจักษ์แล้วว่าสิงคโปร์คืออีกหนึ่งประเทศผู้นำในด้านซีเคียวริตี้ของโลก

ที่มา ComputerWorld SG

นศ.เนคนิคน่าน คว้ารางวัลชนะเลิศ “Cabling Contest ปี 4” รอบคัดเลือกภาคเหนือ

บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมกับภาครัฐ จัดโครงการแข่งขัน “สุดยอดฝีมือสายสัญญาณ ปี 4 (Cabling Contest 2016)” รอบคัดเลือกภาคเหนือ เปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาได้เรียนรู้เทคโนโลยีสายสัญญาณที่ดีที่สุดในยุคปัจจุบันผ่านการแข่งขันทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ โดยนักศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคน่านคว้ารางวัลชนะเลิศเป็นตัวแทนภาคเหนือ ทะลุเข้ารอบสุดท้าย ชิงถ้วยรางวัลพระราชทาน พร้อมเงินรางวัลมูลค่ากว่า 400,000 บาท และมีโอกาสเป็นตัวแทนของประเทศไทยในการแข่งขันระดับโลก World Skills ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%8a%e0%b8%99%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%87%e0%b8%99%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%a7%e0%b9%81%e0%b8%97%e0%b8%99%e0%b8%a0%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b9%80%e0%b8%ab%e0%b8%99

จากความสำเร็จของโครงการ “สุดยอดฝีมือสายสัญญาณ (Cabling Contest)” ปี 1 – 3 ที่ผ่านมา นับเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ของวงการการศึกษาด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจสายสัญญาณ จึงได้ร่วมกับ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงแรงงาน จัดโครงการ “สุดยอดฝีมือสายสัญญาณ (Cabling Contest)” ขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ภายใต้การสนับสนุนของผลิตภัณฑ์ยี่ห้อ LINK จากสหรัฐอเมริกา เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาทั้งในระดับปริญญาตรีและระดับอาชีวศึกษา ได้เรียนรู้เทคโนโลยีสายสัญญาณที่ดีที่สุดในยุคปัจจุบันผ่านกิจกรรมการอบรมและแข่งขัน ซึ่งจะช่วยพัฒนาศักยภาพนักเรียน นักศึกษา พร้อมต่อยอดทักษะและความรู้ในเวทีระดับโลก ยกระดับคุณภาพสถานศึกษาให้ทัดเทียมระดับนานาชาติ รองรับการเกิดขึ้นของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ซึ่งประสบการณ์ที่ผู้ร่วมการแข่งขันจะได้รับในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการพัฒนาทักษะฝีมือแล้ว ยังก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ เพราะจะนำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีสายสัญญาณในประเทศไทยอีกด้วย

%e0%b8%84%e0%b8%93%e0%b8%b0%e0%b8%a0%e0%b8%b2%e0%b8%84%e0%b8%b5%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%88%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99

ในส่วนของรูปแบบการแข่งขัน นายณัฐวุฒิ ปิ่นทองคำ ผู้จัดการ ฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะหัวหน้าโครงการ เปิดเผยว่า “ปีที่แล้วเราได้รับการตอบรับจากนิสิต นักศึกษา ทั้งระดับอุดมศึกษาและอาชีวศึกษา สมัครเข้าร่วมโครงการกว่า 1,000 คน นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ส่วนรูปแบบการแข่งขันในปีนี้ ยังคงแบ่งเป็นภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเช่นเดิม ซึ่งภาคปฏิบัติเป็นการแข่งขันเข้าหัวต่อกับสายสัญญาณ LAN (สายสัญญาณเครือข่ายคอมพิวเตอร์) และการแข่งขันเข้าหัวต่อกับสาย COAXIAL (สายกล้องวงจรปิด CCTV)  นอกจากนี้เรายังได้ให้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องของสาย FIBER OPTIC (สายใยแก้วนำแสง)  ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่กำลังมาแรงในยุคดิจิทัล โดยเราได้จัดรอบคัดลือกทั่วทุกภูมิภาค ซึ่งภาคเหนือเป็นภูมิภาคสุดท้ายแล้วที่เราจัดการแข่งขัน โดยมาจัดกันที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งมีน้องๆ ให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการจากหลากหลายสถาบันกว่า 400 คน”

นายณัฐวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ผู้ผ่านการคัดเลือกจากทั่วประเทศ 55 คน จะได้เข้าไปแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ในวันที่ 24 – 25 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณและขวัญกำลังใจอย่างยิ่งที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระราชทานถ้วยรางวัลให้แก่ผู้ชนะเลิศ พร้อมเงินรางวัลมูลค่า 100,000 บาท ส่วนรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จะได้รับถ้วยเกียรติยศจากนายกรัฐมนตรี พร้อมเงินรางวัล 50,000 บาท และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 จะได้รับถ้วยเกียรติยศจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมเงินรางวัล 30,000 บาท และนอกเหนือไปจากนั้น ผู้ชนะเลิศยังมีโอกาสได้เป็นตัวแทนของประเทศไทยในการแข่งขันระดับโลก World Skills ที่จะจัดขึ้นในปี 2560 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยมีผลิตภัณฑ์ LINK เป็นผู้สนับสนุนหลักอีกด้วย”

%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b9%86-%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%87%e0%b9%83%e0%b8%88%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b9%87 %e0%b9%81%e0%b8%82%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%82%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%b1%e0%b8%a7%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a2-cctv

ทั้งนี้ การแข่งขันรอบคัดเลือกภาคเหนือจัดขึ้นที่ จังหวัดเชียงใหม่ โดยมี นายมนัส ถังใส ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขัน และผู้แทนจากองค์กรภาคีภาครัฐเข้าร่วมงาน อาทิ นายวิชัย ประทีปทิพย์ ผู้แทนจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสุเมธ โศจิพลกุล ผู้แทนจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงานโดยผู้ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ ได้แก่ นายเอกลักษณ์ ณ ค้อ จากวิทยาลัยเทคนิคน่าน รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ นายวรพล นันทวงษ์ จากวิทยาลัยเทคนิคพิจิตร และรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ นายจตุพร สุทธิพันธุ์ จากวิทยาลัยเทคนิคพิจิตร นอกจากนี้ยังมีผู้ผ่านการคัดเลือกอีก 7 คนที่ได้รับสิทธิ์เข้าไปแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ร่วมกับตัวแทนจากภาคภาคกลางและกรุงเทพมหานคร ภาคตะวันออก ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 55 คน

CAT ร่วมพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

14712938_715670631915974_647930248697811038_o

คณะกรรมการ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT และ พันเอก สรรพชัย หุวะนันทน์        กรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและพนักงาน รวม 89 คน ร่วมพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร  สยามินทราธิราช  บรมนาถบพิตร ณ  พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง  เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2559  เวลา 11.00 น.

14711154_715668741916163_5488944155341778135_o 14700822_715669198582784_6731641312031720524_o

เมโทรซิสเต็มส์ฯ หรือ MSC น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

%e0%b8%84%e0%b8%93%e0%b8%b0%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a3-msc-01

คณะผู้บริหาร บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MSC น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และร่วมลงนามไว้อาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ สำนักงานใหญ่  ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 เมื่อวันพุธที่ 19 ตุลาคม 2559

ปตท.สผ. ถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

48cbd4e488fa96e1a2783df90ff3f3b4

บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. โดย นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย (แถวหน้า ที่ 4 จากซ้าย)ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและพนักงาน ร่วมทำบุญตักบาตรอาหารแห้งพระสงฆ์จำนวน 89 รูป และร่วมถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ณ สำนักงานใหญ่ ปตท.สผ. อาคารเอ็นเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์

ผู้บริหารและพนักงาน CAT น้อมเกล้าฯ ถวายอาลัยพระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย

 

       พันเอก สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT นำผู้บริหารและพนักงาน น้อมเกล้าฯ ถวายอาลัยพระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย พร้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ หาที่สุดมิได้ ณ CAT สำนักงานใหญ่ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2559

 

 

You may have missed