04/26/2024

Month: February 2015

หมวกนิรภัยจากอ้อย

“หมวกนิรภัย V-Gard GRN ของ MSA เป็นผลิตภัณฑ์แรกในกลุ่มหมวกนิรภัยด้วยกันที่ทำขึ้นจากวัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ 100 เปอร์เซ็นต์”

3-shutterstock_127739651

ขณะที่นวัตกรรม เช่น หมวกกันน็อคติดเซ็นเซอร์ Crash Senor ได้ช่วยให้ประสิทธิภาพของอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยดีขึ้น แต่ก็ไม่บ่อยครั้งนักที่เราจะเห็นบริษัทในภาคส่วนนี้พยายามที่จะลดการปล่อยคาร์บอนของพวกเขาลง แต่อย่างไรก็ตาม บริษัท MSA จากเมืองพิตสเบิร์กได้เปิดตัวหมวก V-Gard GRN ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดแรกในสินค้าประเภทนี้ที่ทำขึ้นจากวัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ 100 เปอร์เซ็นต์
ถึงแม้ว่าหมวกนิรภัยใบนี้จะทำขึ้นจากโพลีเอทธิลีนที่ความหนาแน่นสูง (high-density polyethylene) เหมือนกับหมวกสำหรับป้องกันภัยแบบดั้งเดิมอื่นๆ ก็ตาม แต่วัสดุที่ MSA ใช้ก็มาจากเอทานอลจากอ้อยซึ่งดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 2.5 ปอนด์ จากบรรยากาศสำหรับการผลิต 1 ตัน เมื่อเทียบกับวิธีการผลิตปกติซึ่งปล่อยก๊าซเรือนกระจก 2 ปอนด์สำหรับการผลิตทุกๆ ตัน ข้อดีอีกอย่างหนึ่งก็คือ วัสดุที่ใช้นั้นนำไปรีไซเคิลได้หมด สามารถนำไปใช้ผลิตผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้ ดร.โทมัส มัชเตอร์ รองประธานของฝ่ายผลิตภัณฑ์ระดับโลกที่ MSA กล่าว “HDPE ที่ได้มาจากอ้อยให้ประสิทธิภาพและคุณสมบัติเดียวกับเรซิ่นที่มาจากวัตถุดิบที่ไม่สามารถนำไปหมุนเวียนได้”

ถ้าตลาดนิชอย่างอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยในอุตสาหกรรมต่างๆ ยังมีช่องให้สินค้าประเภทที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเข้ามาได้แล้วแบบนี้ละก็ น่าจะยังคงมีช่องว่างสำหรับสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในแวดวงธุรกิจของคุณอยู่บ้างเหมือนกันนะ

เครื่องชาร์จพลังแสงอาทิตย์ช่วยคำนวณการประหยัด

2-products-first-img

เฉกเช่นเดียวกับที่โทรศัพท์พลังแสงอาทิตย์ Puma Phone เอาไว้อวดความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้ เครื่องชาร์จไฟ Changers Start Kit จากเยอรมนีก็สามารถเอาไว้อวดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ผู้ใช้ช่วยประหยัด แถมยังได้คะแนนสะสมไว้แลกของจากร้านค้าที่ร่วมรายการอีกด้วย

Changers Start Kit มีราคา 149 เหรียญสหรัฐ ประกอบไปด้วยแบตเตอรรี่ Changers  Klahuohfummi และแท่นชาร์จ Changers Maroshi พร้อมกับสายและอะแดปเตอร์ ทั้งหมดเพื่อให้ผู้ใช้ผลิตไฟใช้เองได้ ขอแค่มีที่ที่มีแดด โดยต่อแบตเตอรี่เข้ากับที่ชาร์จแล้วตากแดดไว้ แค่นั้นเป็นพอ จากนั้นเมื่อต้องการชาร์จอุปกรณ์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad, iPod, Kindle, โทรศัพท์ Android หรืออะไรก็ตาม ก็แค่เสียบสายเข้ากับตัวแบตเตอรี่ เวลาที่ชาร์จก็ใช้เวลาเท่ากับชาร์จไฟธรรมดา นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถอัพโหลดข้อมูลการผลิตไฟฟ้าของตนเองเพื่อดูสถิติการช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ของตน และเทียบคะแนนกับคนอื่นๆ แล้วนำผลที่ได้ไปโพสต์ในเฟซบุ๊กหรือทวิตเตอร์ก็ได้ พลังงานที่ผลิตได้จะแปลงเป็นคะแนน Changers Credit ให้อัตโนมัติ เพื่อนำไปแลกซื้อของตามร้านที่ร่วมรายการ Changers Marketplace

การใช้พลังแสงอาทิตย์นั้นเป็นผลดีทั้งต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม และยังเป็นการเพิ่มประโยชน์ด้านสังคม ไม่ว่าจะเป็นการแชร์คะแนนสถิติการผลิตไฟ หรือการได้คะแนนซื้อสินค้า นับเป็นการเพิ่มมูลค่าโดยรวมขึ้นอย่างมาก อาจช่วยดึงความสนใจของผู้บริโภคในระยะยาวได้

ได้เวลาที่ผู้ค้าปลีกทั้งหลายจะนำไปทำบ้างหรือยัง?

ความผิดพลาด 5 ประการ ที่มักเกิดขึ้น ในขั้นตอนการทดสอบซอฟต์แวร์

stlcขั้นตอนในการทดสอบซอฟต์แวร์นั้น ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากขั้นตอนหนึ่ง เนื่องจากมันเป็นขั้นตอนที่ยืนยันคุณภาพของวงจรการพัฒนาระบบซอฟต์แวร์ (Software Testing Life Cycle, STLC)  จะดีเพียงพอที่ผู้ใช้จะนำไปติดตั้งเพื่อใช้งานแล้วหรือไม่  ถึงกระนั้นเรื่องราวของความผิดพลาดที่องค์กรมักประสบในขั้นของการทดสอบระบบ ก็ยังคงพบเจอได้อยู่เสมอๆ

ในขั้นตอนการทดสอบซอฟต์แวร์นั้น ควรจะเริ่มได้ตั้งแต่ข้อกำหนดความต้องการ (Requirement) ของระบบหรือฟังก์ชั่นเกิดขึ้นมาเลย การทดสอบข้อกำหนดความต้องการนั้น จะช่วยได้มากในการกำจัดข้อบกพร่องในวงจรการพัฒนาซอฟต์แวร์เสียแต่เนิ่นๆ ซึ่งจะส่งผลให้สามารถลดรายจ่าย ประหยัดเวลาและแรงงานที่จะเกิดขึ้นในขั้นตอนต่อๆ ไปได้อย่างมาก โดยที่ขั้นตอนการกำหนดวิธีการในการทดสอบ และวางแผนการในการทดสอบนั้น ต่างก็เป็นส่วนหนึ่งในขั้นตอนของการออกแบบเช่นกัน ขั้นตอนของการทดสอบในวงจรการพัฒนาซอฟต์แวร์ มักแบ่งเป็น 4 ช่วง ได้แก่ การทดสอบแต่ละส่วนของซอฟต์แวร์แบบเดี่ยว (Unit Testing) การทดสอบซอฟต์แวร์ทั้งระบบ (System Testing) การทดสอบการเชื่อมประสานระบบ (System Integration Testing) และการทดสอบการยอมรับ (Acceptance Testing)

การทดสอบส่วนซอฟต์แวร์แบบเดี่ยว จะเป็นการตรวจโดยผู้ทดสอบจะได้รับทราบข้อมูลของการทำงานระบบมาก่อน ซึ่งมันจะช่วยได้มากในการตรวจแก้ข้อผิดพลาดของโค้ด   ในขณะที่การทดสอบทั้งระบบ จะเน้นที่การมองระบบทั้งในแง่ของฟังก์ชั่นการทำงานและประเด็นอื่นๆ การทดสอบการเชื่อมประสานระบบ จะก่อให้เกิดความมั่นใจในแง่ของการใช้งานระบบทั้งในส่วนที่เป็นฟังก์ชั่นการใช้งานหลักและฟังก์ชั่นประกอบอื่นๆ การทดสอบการยอมรับ จะเป็นงานทดสอบการยอมรับจากผู้ใช้ การยอมรับจากผู้ปฏิบัติงาน การยอมรับเงื่อนไขตามสัญญาที่ตกลงกับผู้ใช้ ตลอดจนการทดสอบในขั้นอัลฟ่าและเบต้า

โดยข้อผิดพลาดแบบพื้นฐาน 5 ประการที่มักเกิดขึ้นในขั้นตอนการทดสอบซอฟต์แวร์มีดังนี้

1) ไม่ได้เตรียมนักทดสอบที่มีความละเอียดหรือเป็นมืออาชีพเพียงพอมาทำการทดสอบ ในทางกลับกันเรามักจะเห็นองค์กรที่อยู่ๆ จับเอานักพัฒนาหรือนักวิเคราะห์งานด้านธุรกิจมาทำการทดสอบซอฟต์แวร์แทนอยู่เสมอๆ

การทดสอบระบบนั้น ถือเป็นงานที่ต้องอาศัยความชำนาญ และนักพัฒนาระบบที่เขียนโค้ดนั้นๆ ก็มักจะมองข้ามข้อผิดพลาดของโค้ดตนเองได้ง่ายๆ ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยมุมมองจากนักทดสอบระบบมืออาชีพ จึงจะสามารถมองประเด็นเหล่านี้ออก อีกทั้งนักพัฒนาระบบส่วนใหญ่ มักจะเร่งรีบเกินไปในขั้นตอนการทดสอบ เพื่อปรับเวลาให้เข้ากับเส้นตายที่กำหนด ซึ่งส่งผลให้โค้ดที่ถูกทดสอบไปแล้วนั้น ไม่ได้มาตรฐานที่ดีพอ

2) ไม่ได้ใช้เวลาที่เพียงพอกับการทดสอบ เนื่องจากขั้นตอนของการทดสอบนั้น มักจะโดนผลกระทบจากความล่าช้าในกำหนดการจากขั้นตอนก่อนหน้านั้นอยู่เป็นประจำ

หากขั้นตอนของการออกแบบหรือการสร้างซอฟต์แวร์ ใช้เวลามากเกินกว่าที่วางแผนเอาไว้ เวลาที่ขั้นตอนการทดสอบได้นั้น ก็จะถูกลดทอนลงเพื่อปรับกำหนดการให้เข้ากับเส้นตาย หากขั้นตอนทั้งหลายก่อนหน้าล่าช้าอย่างมากแล้ว ผลที่ได้ก็มักจะเป็นซอฟต์แวร์ที่เปิดให้ใช้งานได้ทันเวลา แต่เต็มไปด้วยบั๊ก

3) รอจนการเขียนโค้ดหรือการทดสอบส่วนซอฟต์แวร์แบบเดี่ยวเสร็จก่อน แล้วจึงเริ่มทำการทดสอบ ทั้งๆ ที่การทดสอบนั้น ควรเริ่มได้ตั้งแต่เริ่มมีข้อกำหนดความต้องการแล้ว ซึ่งมันอาจจะช่วยลดปัญหาที่จะเจอได้แต่เนิ่นๆ ราว 20-30 เปอร์เซ็นต์ทีเดียว

หลักการข้อหนึ่งของกรรมวิธีวิศวกรรมซอฟต์แวร์แบบ Agile นั้นก็คือการเขียนขั้นตอนการทดสอบส่วนซอฟต์แวร์เดี่ยวให้เสร็จก่อนที่การติดตั้งระบบจะเสร็จสิ้น ซึ่งจะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพขึ้น เนื่องจากมันจะช่วยรับประกันได้ว่า ซอฟต์แวร์ออกมาจะตรงตามข้อกำหนดความต้องการของลูกค้า มากกว่าที่จะเสียเวลาไปกับการทดสอบซอฟต์แวร์ซึ่งทำงานได้แค่ตามที่ผู้พัฒนาคาดหวังไว้

4) ไม่ได้ทำการสร้างกระบวนการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ในกระบวนการพัฒนา ข้อผิดพลาดที่พบเจอได้เสมอๆ ก็คือ ไม่ได้ทำการประเมินความครอบคลุม (Coverage) การใช้และเข้าถึงโปรแกรม จริงอยู่ที่เราอาจไม่สามารถประเมินการครอบคลุมได้หมดทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ แต่มันก็ควรจะถูกวางครอบคลุมตามจุดประสงค์ของระบบเป็นสำคัญ

กระบวนการตรวจสอบย้อนกลับโค้ดที่ผิดพลาดนั้น จะช่วยให้เราสามารถระบุสาเหตุของบั๊กเหล่านั้นได้อย่างรวดเร็ว หาไม่แล้ว มันจะกลายเป็นงานที่กินเวลาอย่างมาก อีกทั้งการทดสอบความครอบคลุมของระบบ ก็จะช่วยสร้างความมั่นใจได้ว่า ฟังก์ชั่นที่มีอยู่จะถูกทดสอบในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งอย่างแน่นอน

5) ไม่ได้ทำการสรุปว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากอะไร การค้นหาต้นตอที่แท้จริงของปัญหานั้น จะช่วยลดข้อผิดพลาดในซอฟต์แวร์รุ่นต่อๆ ไปได้

“ตะกร้าปิคนิค” ที่เป็นทั้งโต๊ะและตะกร้าติดจักรยาน

“Springtime ได้คิดใหม่ทำใหม่เรื่องตะกร้าปิคนิค โดยทำเป็นตะกร้าที่ติดรถจักรยาน หรือกางออกเป็นโต๊ะอาหารพร้อมเก้าอี้ก็ได้”

1-Picknickbasket-op-fiets-achterkant

เราเคยเห็น swissRoomBox นำเสนอวิธีเปลี่ยนรถธรรมดาๆ ให้เป็นรถบ้านเคลื่อนที่ได้โดยการมีกล่องอเนกประสงค์ที่เป็นได้ทั้งห้องครัวและห้องอาบน้ำ ตอนนี้ก็มีคนทำตะกร้าอเนกประสงค์ออกมาบ้างแล้ว ซึ่งตะกร้าของ Springtime นี้สามารถใช้ติดรถจักรยานเพื่อใส่ของ หรือกางออกเป็นโต๊ะอาหารพร้อมเก้าอี้ก็ได้

1-Uitgeklapt-side-view

ตะกร้า Springtime นี้เป็นไอเดียของบริษัทสัญชาติดัตช์รายใหม่ชื่อ Bloon เวลาปกติมันจะมีรูปร่างเป็นตะกร้าปิคนิคธรรมดา ประกอบด้วยตะกร้าที่แยกเป็นสองส่วน ใช้เก็บสัมภาระและอาหาร ทั้งสองส่วนสามารถแยกออกจากกันเพื่อติดข้างรถจักรยานได้ และเมื่อไปถึงที่หมาย ผู้ใช้ก็ถอดตะกร้าออกจากรถจักรยาน แล้วกางออกกลายเป็นโต๊ะอาหารได้อีกด้วย ส่วนที่เป็นตัวตะกร้าทำหน้าที่เป็นเก้าอี้นั่ง บนฝาตะกร้านั้นจะเป็นเบาะแบบนิ่ม ช่วยให้นั่งสบาย เหมือนนั่งเก้าอี้บุนวมทีเดียว มีหลายสีให้เลือกตามความพอใจของลูกค้า ซึ่ง Bloon ตั้งเป้าไว้ว่า จะขายตะกร้านี้ภายในเดือนนี้ ซึ่งเข้าช่วงฤดูแห่งการปิคนิคพอดี

สำหรับพวกเรา จะหาวิธีทำให้ข้าวของเครื่องใช้ทั่วๆ ไปมีประโยชน์มากขึ้นได้อย่างไรบ้าง?

รหัส QR ช่วยบอกเล่าเรื่องราวในหลุมศพ

02_hipoints

เวลส์นั้นกำลังเป็นผู้นำเรื่องการเชื่อมสถานที่ในโลกจริงเข้ากับข้อมูลที่มีในเว็บ ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ เมือง Manmouth ได้สถาปนาตัวเองเป็น ‘เมือง Wikipedia’ ตอนนี้ระบบ HiPoints ก็กำลังเข้ามาช่วยให้ผู้ที่มาเยือนได้เข้าใจเรื่องราวของหลุมศพชาวแคนาดาที่โบสถ์ St Margaret’s Church ในเมือง Bodelwyddan มากขึ้น โดยใช้รหัส QR

มีหลุมศพทหารชาวแคนาดาอยู่นอกโบสถ์แห่งนี้ประมาณ 80 หลุม ซึ่งมักทำให้นักท่องเที่ยวต้องสงสัยอยู่เสมอๆ ทหารแคนาดาเหล่านี้เสียชีวิตจากไข้หวัดที่ระบาดเมื่อครั้งที่ประจำอยู่ที่ Denbighshire ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ในตอนนี้ทางโบสถ์ได้นำระบบ HiPoints มาใช้ วิธีก็คือมีป้ายซึ่งมีรหัส QR ติดที่หลุมศพ นักท่องเที่ยวที่มีสมาร์ตโฟนสามารถสแกนป้ายดังกล่าวเพื่อรับรู้คำอธิบายเกี่ยวกับผู้เสียชีวิตแต่ละราย รวมทั้งดูรูปภาพที่เกี่ยวข้อง ผู้ที่ดำเนินการเรื่องนี้เชื่อว่า วิธีนี้จะช่วยให้คนรุ่นหลังที่อายุยังน้อยกลับมาสนใจสถานที่ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ได้

ป้าย QR เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ของโครงการ History Points ของชุมชน ซึ่งมุ่งหวังที่จะได้ติดป้ายลักษณะเดียวกันในหลายๆ สถานที่ทั่วประเทศ

ยังมีสถานที่แห่งไหนอีก ที่ควรจะได้รับการเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์?

แอพเตือนคนขับ เมื่อรถจะชนคันอื่น

safetysightถ้าพูดถึงเทคโนโลยีของสมาร์ตโฟนที่มีอยู่ในทุกวันนี้ ก็มีแอพ Safety Sight ที่จะช่วยเตือนสติผู้ขับขี่รถยนต์หากกำลังเร่งความเร็วจนสูงเกินไปขณะที่มีรถอีกคันหนึ่งอยู่ข้างหน้า

แอพนี้พัฒนาขึ้นจากส่วนหนึ่งของความร่วมมือระหว่าง Sompo Japan และบริษัทประกันภัย Nipponkoa เมื่อนำโทรศัพท์ที่มีแอพนี้ไปวางไว้ที่หน้ากระจกรถ แอพจะใช้กล้องของโทรศัพท์เพื่อวิเคราะห์ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างที่ด้านหน้ารถ มันจะแยกยานพาหนะทั้งหมดออกจากวัตถุอื่นๆ ที่อยู่ตรงหน้าและหาว่ายานพาหนะต่างๆ นั้นอยู่ห่างจากรถของผู้ใช้แอพนี้เท่าไร ถ้ารถพุ่งทะยานไปข้างหน้าที่มีอยู่รถคันอื่นอยู่เร็วเกินไป แอพก็จะส่งเสียงออกมาเพื่อเตือนผู้ขับขี่ให้ลดความเร็วลง ตัวอย่างเช่น ถ้าคนขับกำลังขับรถอยู่ที่ความเร็ว 40 ไมล์ต่อชั่วโมง สัญญาณเตือนจะถูกส่งออกมาเมื่อยังใช้ความเร็วนี้อยู่ที่ระยะห่าง 16 เมตรจากรถคันที่อยู่ข้างหน้า ถ้าเกิดการชนกันขึ้น แอพก็จะบันทึกภาพวิดีโอเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมความเร็วของรถในตอนนั้น นอกจากนี้ แอพยังจะแสดงหมายเลขโทรศัพท์ของตำรวจที่อยู่ใกล้เคียงพร้อมรายละเอียดอื่นๆ ให้กับบริษัทประกันภัยที่มาตรวจสอบในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นด้วย

แอพนี้จะช่วยให้ผู้ขับขี่ให้ความสนใจกับรถคันอื่นๆ ที่อยู่รอบตัวมากขึ้นขณะที่ขับขี่รถอยู่ เพื่อทำให้การขับขี่ของตนดีขึ้น

“อ่างอาบน้ำร้อนลอยน้ำ” ที่ใช้พลังฟืน

“HotTug เป็นอ่างน้ำร้อนแบบใช้ฟืนที่สามารถล่องไปในน้ำได้เหมือนเรือ”

2 hottug-2

ถ้าคอภาพยนตร์ทั้งหลายสามารถแช่ในอ่างอาบน้ำพร้อมดูหนังได้ แล้วทำไมคนที่ชอบล่องเรือจะทำแบบเดียวกันไม่ได้ล่ะ นั่นคือที่มาของ HotTug ซึ่งเป็นอ่างน้ำร้อนแบบใช้ฟืนที่สามารถล่องไปในน้ำได้เหมือนเรือ

ผลงานของ Supergoed จากฮอลแลนด์ชิ้นนี้เป็น “เรืออ่างอาบน้ำแบบใช้ฟืนลำแรกของโลก” ตามคำเรียกของผู้ผลิต มันสามารถลอยเป็นเรือได้อย่างเสถียร พร้อมบรรจุผู้โดยสารได้ถึง 8 คน แม้ว่าจะมีหรือไม่มีน้ำอยู่ในอ่างก็ตาม มันจุน้ำได้ 1,800 ลิตร สามารถทำน้ำอุ่นอุณหภูมิ 100 องศาฟาเรนไฮต์ได้ภายใน 2.5 ชั่วโมง และสามารถลอยไปในทะเลสาบ แม่น้ำ หรือทางน้ำอื่นๆ ได้ Frank de Bruyn ผู้ก่อตั้งบริษัทอธิบายว่า “มันเป็นมากกว่าเรือ มันคือยานพาหนะทางเลือก เวลาที่อ่างมีน้ำเต็ม ขอบอ่างจะสูงจากระดับน้ำข้างนอกเพียงนิดเดียว ทำให้คุณรู้สึกเป็นหนึ่งกับผืนน้ำรอบๆ ตัว”

HotTug มีให้เลือกสองแบบ แบบแรกมีมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 2.4 KW ในตัว แบบที่สองออกแบบสำหรับใช้งานกับเครื่องยนต์ (แต่ไม่มีเครื่องแถมมาให้) ราคาเริ่มต้นที่ 11,450 ยูโรรวม Vat แล้ว ปัจจุบัน HotTug มีให้เช่าแล้วโดย Werf IJlst ในเมือง Friesland ประเทศฮอลแลนด์ ส่วนบริษัทผู้ผลิตเองก็กำลังรอการติดต่อจากผู้ที่สนใจนำ HotTug ไปให้เช่าในทั่วทุกมุมโลกอยู่ในขณะนี้

นักธุรกิจด้านสุขภาพและผ่อนคลายทั้งหลาย ได้เวลาเข้าร่วมแล้วครับ

หูฟังที่สามารถจับคลื่นสมองของผู้ใช้ ได้ตามอารมณ์เพลง

“หูฟัง Mico ตรวจจับคลื่นสมองของผู้ใช้แล้วเลือกเล่นเพลงที่เข้ากับอารมณ์ในตอนนั้นให้ฟัง

01 Mico-3

ผู้อ่านประจำของคอลัมน์นี้ อาจจำ Digipill หรือ ‘ยา’ ทางหูที่ใช้เสียงในการบำบัดรักษาด้วยการเปลี่ยนอารมณ์ของผู้ใช้ แต่ Mico ได้ปรับเปลี่ยนแนวคิดนั้นออกมาใหม่เป็นหูฟังที่จะจับคลื่นสมองของผู้ใช้และเลือกเพลงที่ตรงกับอารมณ์ของพวกเขาให้

หูฟัง Mico นี้พัฒนาขึ้นโดย Neurowear จากญี่ปุ่น มีหน้าตาเหมือนหูฟังทั่วไปคู่หนึ่ง แต่มีตัวอ่านคลื่นสมอง EEG เพิ่มขึ้นมาที่บริเวณหน้าผากเพื่อตรวจจับการเคลื่อนไหวของประสาท การวิเคราะห์สัญญาณจะช่วยให้อุปกรณ์สามารถตรวจจับอารมณ์ของผู้สวมใส่ ซึ่งจะแสดงออกผ่านทางจอแสดงผล LED บนหูฟัง เมื่อเชื่อมต่อกับแอพของ Mico แล้ว ข้อมูลที่ได้นี้ก็จะถูกนำไปใช้ในการเลือกเพลงจากฐานข้อมูลของ Mico ที่ตรงกับอารมณ์ความรู้สึกของผู้สวมใส่ ตอนนี้เพลงในห้องสมุดซึ่งเป็นเพลงที่ Mico มีให้ มีอยู่ 3 อารมณ์ด้วยกัน คือ มีสมาธิ ง่วงนอน และเครียด เพื่อเป็นการกำจัดขั้นตอนของการที่ต้องเลื่อนขึ้นลงเพื่อดูชื่อเพลงจำนวนมากเพื่อที่จะหาสักเพลงที่เหมาะกับอารมณ์ของคุณ หูฟัง Mico ยังให้บริการที่เหมือนกับของ Pandora ด้วย คือการช่วยผู้ใช้หาเพลงใหม่ๆ นั่นเอง

เทคโนโลยีนี้จะถูกใจคนรักเสียงเพลงหรือไม่นั้น อาจขึ้นอยู่กับความถูกต้องของเซ็นเซอร์ตรวจจับคลื่นสมอง เช่นเดียวกับคุณภาพของห้องสมุดเพลงที่มีให้ แต่อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ก็ให้แรงบันดาลใจได้มาก

จะมีอุปกรณ์ อ่านอารมณ์ อื่นๆ ให้ใช้ในการส่งสิ่งที่เหมาะสมให้กับผู้บริโภคในเวลาที่เหมาะสมได้อีกหรือเปล่าล่ะ?

ถุงเท้าอัจฉริยะ ผู้ช่วยสำหรับนักวิ่ง

“Sensoria ได้ออกผลิตภัณฑ์ถุงเท้าที่ไม่เพียงแต่บอกผู้สวมใส่ถึงพฤติกรรมการวิ่งที่ไม่ดีแล้ว แต่ยังบอกถึงสภาวะของอาการบาดเจ็บได้ด้วย”

4 Sensoria - 1

เราเคยได้เห็นแผงอัลตราซาวนด์ที่ใช้รักษากล้ามเนื้อที่บาดเจ็บของม้าไปแล้ว นั่นแปลว่า ถึงเวลาของเทคโนโลยีที่สวมใส่ได้ ที่จะช่วยตรวจสุขภาพของมนุษย์กันแล้ว เพราะตอนนี้ Sensoria ได้ออกผลิตภัณฑ์ถุงเท้าที่ไม่เพียงแต่บอกผู้สวมใส่ถึงพฤติกรรมการวิ่งที่ไม่ดีแล้ว แต่ยังบอกถึงสภาวะของอาการบาดเจ็บได้ด้วย

4 Sensoria - 2

นักจ๊อกกิ้งหลายคนคุ้นเคยกับแอพและอุปกรณ์ที่ใช้เวลาออกวิ่ง ซึ่งหลายๆ อย่างนั้นออกแบบมาเพื่อเก็บข้อมูลสถิติต่างๆ เพื่อช่วยให้ดูได้ว่าเข้าใกล้เป้าหมายเพียงใดแล้ว และช่วยปรับปรุงความฟิตโดยรวมของผู้ใช้ Sensoria เป็นเซ็นเซอร์พิเศษที่สามารถติดเข้ากับถุงเท้าเส้นใยไฟเบอร์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ สามารถตรวจดูว่าผู้ใช้กำลังทำกิจกรรมประเภทไหน ดูความหนักเบา ระยะทาง และเวลาที่ใช้ นอกจากนี้ยังสามารถตรวจท่าวิ่ง จังหวะการวิ่ง ตำแหน่งที่เท้าลงพื้น และความยาวก้าวโดยเฉลี่ยได้อีกด้วย เมื่อต่อเข้ากับแอพที่ทำงานคู่กัน ผู้ใช้จะสามารถดูได้ว่าสไตล์การวิ่งของตนนั้นมีลักษณะเท้าเอียงหรือไม่ ซึ่งปัญหานี้อาจทำให้เท้าบาดเจ็บได้ ในกรณีที่บาดเจ็บ Sensoria ก็สามารถวิเคราะห์เทคนิคที่ผู้ใช้พยายามปรับปรุง เพื่อบอกว่าให้ผลดีขึ้นหรือไม่

Heapsylon บริษัทผู้ผลิต Sensoria ได้รับเงินลงทุนจาก Flextronics และได้เปิดระดมทุนเพิ่มแบบ crowdsource ผ่านแคมเปญใน Indiegogo ด้วย สินค้าชุดหนึ่งนั้นประกอบไปด้วยถุงเท้า Sensoria ที่ซักได้ เซ็นเซอร์ติดข้อเท้า และแอพของ Sensoria สนนราคาอยู่ที่ $99

ตามสถิติพบว่า นักวิ่งประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ จะมีปัญหาเกี่ยวกับเท้าทุกปี เทคโนโลยีอย่าง Sensoria จึงอาจจะสามารถช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของนักวิ่ง แถมยังช่วยลดการต้องไปพบแพทย์ด้วย

แล้วเครื่องวัดลักษณะนี้จะยังสามารถนำไปใช้กับกิจกรรมอื่นๆ ในชีวิตได้อีกหรือไม่?

Pop-Up Hotel

“Pop-Up Hotel จากเดนมาร์ก พยายามหาทางออกให้แก่ปัญหาที่เกิดจากพิษเศรษฐกิจ ด้วยการทำพื้นที่ออฟฟิศที่ว่างๆ ในนิวยอร์ก โดยการเปลี่ยนเป็นห้องพักแรมแก่นักท่องเที่ยว”

3 Pop up Hotel - 2

นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปชมกีฬาโอลิมปิกส์ที่กรุงลอนดอนเมื่อฤดูร้อนที่แล้ว อาจจะได้พบกับราคาโรงแรมที่แพงหูฉี่ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ได้ลองใช้โรงแรมแท็กซี่ ซึ่งเป็นโครงการแปลงแท็กซี่สีดำของกรุงลอนดอนเป็นห้องโรงแรมชั่วคราวที่ค่อนข้างสบายเอาการ ในตอนนี้ Pop-Up Hotel จากเดนมาร์กนั้นก็พยายามหาทางออกให้แก่ปัญหาที่เกิดจากพิษเศรษฐกิจด้วยการทำพื้นที่ออฟฟิศที่ว่างๆ ใน New York City ให้ทำเงินได้โดยการเปลี่ยนเป็นห้องพักแรมแก่นักท่องเที่ยว

Pink Cloud บริษัทดีไซน์ผู้อยู่เบื้องหลังโครงการนี้ได้ให้ข้อมูลว่า อัตราการว่างโดยเฉลี่ยของพื้นที่สำนักงานในแมนฮัตตัน นั้นได้เพิ่มขึ้นสูงถึง 21.6 เปอร์เซ็นต์ จากวิกฤติเครดิตเมื่อปี 2550 แทนที่จะปล่อยให้พื้นที่เหล่านี้ว่างไปโดยเปล่าประโยชน์ บริษัทจึงนำเอาตัวเลขการท่องเที่ยวของเมืองมาใช้เป็นประโยชน์ เพราะการท่องเที่ยวนั้นค่อนข้างแข็งแกร่งกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ แถมเมื่อปี 2555 ยังมีจำนวนนักท่องเที่ยวมากเป็นประวัติกาลด้วย ทางออกของ Pink Cloud ก็คือ การหาวิธีทำให้อุปกรณ์การแปลงสำนักงานเป็นห้องพักแรม ทุกอย่างสามารถบรรทุกได้ในรถบรรทุกคันเดียว เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ทุกอย่างสามารถบรรจุลงในกล่องที่มีมิติเท่ากับ pallet มาตรฐานของสหรัฐฯ และมีความสูงไม่เกินความสูงเฉลี่ยของลิฟต์ออฟฟิศทั่วไป ทำให้รถบรรทุกคันหนึ่งสามารถบรรทุกกล่องเหล่านี้ได้ทีละ 36 กล่อง ภายในแต่ละกล่องนั้นจะมีอุปกรณ์ต่างๆ ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับธีมของสถานที่นั้นๆ คือ เน้นการต้อนรับแขก การรับประทานอาหาร ความบันเทิง และความมีอุปกรณ์ครบครัน ทุกอย่างใช้สีกำกับเพื่อช่วยให้ประกอบและติดตั้งได้ง่าย แต่ละกล่องก็สามารถติดตามได้ด้วย RFID ประจำกล่อง

แม้ว่าขณะนี้ยังอยู่ในช่วงทดลอง แต่ Pop-Up Hotel ก็เป็นวิธีที่จะช่วยเปลี่ยนพื้นที่ที่ไม่ใช้งานไม่ให้สูญเปล่า

แล้วคุณจะมีส่วนช่วยให้โปรเจ็กต์นี้เป็นที่นิยมได้หรือไม่?

You may have missed